มาทำความเข้าใจจุดแข็งของแต่ละ Gen เพื่อสร้าง “วัฒนธรรมองค์กร” ที่ทุกคนเฉิดฉายในแบบของตัวเอง ✨💪🏻

ช่วงที่ผ่านมาเรามักจะเห็นคอนเทนต์เกี่ยวกับการทำงานกับคนรุ่นใหม่ หรือ “Gen Z” บ้างก็ว่ารับมือยาก บ้างก็ว่าเป็นรุ่นที่มีความคิดเห็นที่แตกต่างจากรุ่นก่อนๆ และต้องการสิ่งตอบแทนที่มากกว่าแค่เงินเดือน แต่ไม่ว่าจะเราจะมีความคิดต่อคนกลุ่มนี้อย่างไร ก็หลีกเลี่ยงความจริงที่ว่าหลังจากนี้ Gen Z จะเป็นกลุ่มกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรในอนาคต

เมื่อพูดถึงความแตกต่างระหว่างเจเนอเรชั่นในที่ทำงาน สิ่งที่มักถูกมองข้ามคือการทำความเข้าใจมุมมองของแต่ละช่วงวัย Baby Boomers อาจมองว่าการทำงานต้องเป็นระบบและมีแบบแผน Gen X อาจให้ความสำคัญกับความสมดุลระหว่างงานกับชีวิต ในขณะที่ Gen Y และ Z อาจต้องการความยืดหยุ่นและโอกาสในการแสดงความคิดสร้างสรรค์ แต่เมื่อเราเปิดใจ ยอมรับฟัง และใส่ใจความรู้สึกของกันและกัน ความแตกต่างเหล่านี้กลับกลายเป็นจุดแข็งที่ผสมผสานประสบการณ์และมุมมองใหม่ๆ เข้าด้วยกัน จนเกิดเป็นพลังขับเคลื่อนองค์กรที่แข็งแกร่งและยั่งยืน

ทำไมการเข้าใจสไตล์การทำงานของแต่ละ Gen จึงสำคัญ?

เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน: เมื่อเข้าใจถึงจุดแข็งและความต้องการของแต่ละบุคคล ก็จะสามารถมอบงานที่เหมาะสมและส่งเสริมให้พวกเขาได้แสดงศักยภาพอย่างเต็มที่
สร้างความผูกพันในองค์กร: การที่พนักงานรู้สึกว่าได้รับการยอมรับและเข้าใจในความแตกต่าง จะส่งผลให้พวกเขามีความผูกพันกับองค์กรมากขึ้นและอยากที่จะอยู่ทำงานในระยะยาว
ลดความขัดแย้ง: การที่เข้าใจถึงความแตกต่างของแต่ละเจเนอเรชั่น จะช่วยลดความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นจากความไม่เข้าใจซึ่งกันและกัน
ปรับตัวทันกับการเปลี่ยนแปลง: การทำงานร่วมกันของคนหลายเจเนอเรชั่น จะนำมาซึ่งมุมมองและไอเดียใหม่ๆ ที่ช่วยให้องค์กรสามารถปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลกได้อย่างรวดเร็วกว่า

สไตล์การทำงานของแต่ละ Gen ที่แตกต่างกัน

คนทำงานแต่ละ Gen ล้วนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่สะท้อนให้เห็นถึงยุคสมัยที่เติบโตมา ทั้งปัจจัยทางสังคม เศรษฐกิจ เทคโนโลยี และวัฒนธรรม ล้วนมีส่วนทำให้มุมมอง ความคิด และวิธีการทำงานแตกต่างกัน เราจะพามาดูลักษณะเด่นของแต่ละ Gen และวิเคราะห์ว่าสไตล์การทำงานว่าต่างกันอย่างไร เพื่อให้ทุก Gen สามารถปรับตัวในการทำงานร่วมกับ Gen อื่นๆ ได้ดีขึ้น

หมายเหตุ: ตารางนี้เป็นการสรุปแบบคร่าวๆ สไตล์การทำงานของแต่ละบุคคลอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆ นอกเหนือจากช่วงวัย

เคล็ดลับทำงานกับคนต่าง Gen คือการมี “Empathy (ความเห็นอกเห็นใจ)”

ก่อนอื่นต้องเริ่มจากยอมรับความแตกต่าง และพยายามทำความเข้าใจ (Empathize) ว่าแต่ละคนมีพื้นหลังชีวิต และช่วงยุคที่เติบโตมาแตกต่างกัน ส่งผลให้มีวิธีการทำงานที่แตกต่างกันด้วย แต่ถึงแม้จะต่างกันก็ไม่เป็นไร หากทุกคนให้ความเคารพกัน และทำงานร่วมกันได้ จากนั้นคือการสร้างวัฒนธรรมที่ให้เกิดการสื่อสารอย่างเปิดเผย เปิดโอกาสให้พนักงานทุกคนได้แสดงความคิดเห็นและแลกเปลี่ยนความรู้กันได้ ควรพูดคุยกันตรงๆ อย่างสุภาพ และมีเจตนาที่ดี ว่าเรื่องไหนที่หากปรับปรุงได้จะเป็นประโยชน์ต่อหลายๆ ฝ่าย

องค์กรต้องสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการเรียนรู้และการพัฒนาตนเอง มอบโอกาสในการเติบโต ให้พนักงานได้เรียนรู้ทักษะใหม่ๆ และก้าวหน้าในสายอาชีพ และคอยให้ความสำคัญกับความสุขของพนักงาน จัดกิจกรรม หรือหาโอกาสเล็กๆ น้อยๆ อย่างการกินข้าวร่วมกันบ้าง ก็ช่วยให้พนักงานผ่อนคลาย และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน

สรุป
ในโลกการทำงานที่มีความหลากหลายทางช่วงวัย การเข้าใจและยอมรับในความแตกต่างคือกุญแจสำคัญที่จะทำให้ทุก Generation ก้าวเดินไปพร้อมกันได้อย่างมีความสุข โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราเปิดใจและมี Empathy ต่อกัน

Source:
visier.com
bangkokbiznews.com
purdueglobal.edu

หน้าแรก

บทความ

tag

leadership

เข้าใจความต่างของ 'Gen' วัยไหนก็ทำงานด้วยได้ ถ้ามี​ “Empathy”

สรุป session “บทบาทของผู้นำ กับการมี ‘Self Control’”

สรุป session “The Al Guide to Better Leadership: เสริมทักษะความเป็นผู้นำด้วย ChatGPT”

เสียงจากลูกน้องแบบไหน ที่หัวหน้าต้อง “หยุดฟัง” และ “จัดการด่วน”

World Economic Forum แนะ “Skills-First” ทักษะต้องมาก่อน

เข้าใจความต่างของ 'Gen' วัยไหนก็ทำงานด้วยได้ ถ้ามี “Empathy”