เปิดกลยุทธ์เอาตัวรอดจากเทรนด์ "Zero-Click" ปี 2025

เปิดกลยุทธ์เอาตัวรอดจากเทรนด์ "Zero-Click" ปี 2025

Business

4 Min

19 Nov 2024

Share

“Zero-Click” เป็นแนวคิดที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคบนโลกออนไลน์ และการพัฒนาของเทคโนโลยีค้นหา เช่น Google Search ที่เมื่อผู้ใช้ค้นหาข้อมูลแล้วได้รับคำตอบทันทีในหน้าแสดงผลการค้นหา โดยไม่จำเป็นต้องคลิกลิงก์ไปยังเว็บไซต์

โดยสถิติล่าสุดจาก SparkToro ได้เผยให้เห็นพฤติกรรมการค้นหาข้อมูลของผู้ใช้งาน Google ที่น่าสนใจ โดยพบว่าเกือบ 60% ของการค้นหาทั้งหมดไม่นำไปสู่การคลิกลิงก์ใดๆ เลย และเกือบ 30% ของการคลิกทั้งหมดเป็นการคลิกไปยังแพลตฟอร์มต่าง ๆ ที่ Google เป็นเจ้าของเอง ไม่ว่าจะเป็น YouTube, Google Images, Google Maps และอื่น ๆ นอกจากนี้ จากการค้นหา 1,000 ครั้งบน Google ในสหรัฐอเมริกา มีเพียง 360 คลิกเท่านั้นที่นำผู้ใช้ไปยังเว็บไซต์ภายนอกที่ไม่ได้เป็นของ Google หรือไม่ได้จ่ายเงินโฆษณาให้กับ Google

ขณะเดียวกันข้อมูลนี้ก็ทำให้เห็นโอกาสในการพลิกเกมของเจ้าของธุรกิจและนักการตลาด โดยการปรับกลยุทธ์ให้สอดรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคจากเทรนด์ Zero-Click นี้ได้เช่นกัน

5 พฤติกรรมผู้บริโภคที่น่าสนใจ จากเทรนด์ Zero-Click

1. เปรียบเทียบราคาสินค้าอย่างรวดเร็ว
ผู้บริโภคสามารถเปรียบเทียบราคาและคุณสมบัติของสินค้าได้ทันทีจาก Rich Snippet ในหน้าผลการค้นหา หรือหน้า Shopping ของ Google Search

https://pitstopmarketing.com.au/featured-snippet-update/


2. ซื้อของผ่านไลฟ์แบบไม่คิดเยอะ
แม้จะไม่ได้มีความตั้งใจเสิร์ชรายละเอียดสินค้าแต่แรก แต่หากดูไลฟ์แล้วเกิดความสนใจในตัวสินค้าก็สามารถซื้อได้ทันที

3. ดูรีวิวสินค้าแบบกระชับฉับไว
ผู้บริโภคอ่านรีวิวสินค้าและบริการก่อนตัดสินใจซื้อมากขึ้น ทั้งจากคะแนนรีวิวในหน้า Google Search, Google Maps หรือดูเป็นวีดิโอสั้นใน YouTube Shorts และ TikTok ซึ่งต่างกับเมื่อก่อนที่ต้องอ่านกระทู้ หรือดูคลิปรีวิวยาว ๆ

4. ค้นหาข้อมูลร้านค้าใกล้เคียง
ผู้บริโภคจะค้นหาร้านค้าที่ใกล้เคียงกับสถานที่ที่ตนเองอยู่ได้ทันที ด้วย GPS และ Google Maps บริโภคสามารถค้นหาร้านค้าที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว โดยเพียงแค่พิมพ์ชื่อร้านค้าหรือประเภทสินค้าลงในช่องค้นหา และระบบจะแสดงผลลัพธ์พร้อมระบุตำแหน่งร้านค้าบนแผนที่

5. ซื้อสินค้าผ่านมือถือเป็นหลัก
มือถือกลายเป็นอุปกรณ์หลักในการช้อปปิ้งออนไลน์ เพราะสามารถใช้งานได้ทุกที่ทุกเวลา และระบบชำระเงินบนมือถือที่สะดวกรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการสแกน QR Code หรือการผูกบัตรเครดิตไว้กับแอปพลิเคชัน ทำให้การตัดสินใจซื้อเกิดขึ้นได้ทันทีที่เห็นสินค้าที่ต้องการ

 

“Zero-Click Marketing” กลยุทธ์ไม่ใหม่ แต่ “ต้องทำ” ต่อเนื่อง

ดร. Dave Chaffey นักการตลาดดิจิทัล ที่ปรึกษาและผู้เขียนหนังสือด้านการตลาดดิจิทัลชื่อดังได้วิเคราะห์เทรนด์การตลาดดิจิตอลสำหรับปี 2025 โดยเน้นที่แนวโน้มที่จะเกิดขึ้นจริง และเป็นประโยชน์ในการนำไปประยุกต์ใช้ ซึ่งหนึ่งในเทรนด์ที่น่าจับตา คือ “Zero-Click Marketing” หรือ “การตลาดแบบไม่ต้องคลิก”

แม้ Zero-Click Marketing จะไม่ใช่กลยุทธ์การตลาดใหม่ แต่ก็ยังคงเป็นกลยุทธ์หลักที่นักการตลาดยังต้องให้ความสำคัญในการทำการตลาดดิจิทัล และมีการปรับตัวอยู่เสมอ เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี และพฤติกรรมผู้บริโภคที่นับวันยิ่งจะไม่อดทนต่อความ “ช้า” และ “ไม่สะดวก”

โดยหลักการของ Zero-Click Marketing คือ การทำอย่างไรก็ได้ให้ผู้บริโภคสามารถได้รับคำตอบหรือข้อมูลที่ต้องการครบถ้วนที่สุดโดยไม่จำเป็นต้องคลิกเข้าไปในเว็บไซต์ใด ๆ เลยหรือคลิกน้อยที่สุด

เทคนิคทำ Zero-Click Marketing ให้ได้ผล

Zero-Click กำลังเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค และส่งผลกระทบต่อการทำการตลาดในหลายด้าน ซึ่งธุรกิจในยุคดิจิทัลจำเป็นต้องปรับตัวให้เท่าทันพฤติกรรมเหล่านี้ :

⭐ ทำ SEO ให้ตอบโจทย์ Snippets
นอกจากการทำเว็บไซต์ของตนเองติดอันดับต้น ๆ ในผลการค้นหา ยังต้องใช้ Structured Data เพื่อทำให้ Google ดึงเนื้อหาไปทำ Snippet ซึ่งคือส่วนที่ถูกไฮไลท์และปรากฏในผลการค้นหาของ Google เพื่อเพิ่มโอกาสที่ลูกค้าจะเห็นและเข้าถึงข้อมูลของธุรกิจได้ทันที

⭐  เนื้อหากระชับและตรงประเด็นมากขึ้น
เนื้อหาที่ถูกสร้างขึ้นต้องตอบคำถามและแก้ปัญหาของลูกค้าได้อย่างตรงจุด ตอบโจทย์ความต้องการไม่ใช่แค่การโฆษณาชวนเชื่อให้ซื้อสินค้าหรือบริการ และเนื้อหาที่เป็นภาพและวิดีโอจะดึงดูดความสนใจได้มากกว่า

⭐ โฆษณาออนไลน์ครอบคลุมและตรงจุด
ธุรกิจต้องทำโฆษณาในหลากหลายช่องทางออนไลน์ที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย ไม่เพียงแค่การเลือกใช้ช่องทางยอดนิยมอย่าง Facebook หรือ Google Ads เท่านั้น แต่ยังสามารถโฆษณาแพลตฟอร์มเฉพาะกลุ่ม เช่น แพลตฟอร์มเกม, แพลตฟอร์มฟังเพลง ใช้ทั้ง Google Ads, Social Media Ads และ Google My Business เพื่อให้ข้อมูลธุรกิจปรากฏในผลการค้นหา และเพื่อให้ลูกค้าสามารถค้นพบธุรกิจได้ง่ายขึ้น

https://www.wordstream.com/blog/ws/2020/06/08/what-is-google-my-business


⭐  ให้ความสำคัญกับ UX
แม้หน้าเว็บไซต์จะสำคัญน้อยลง แต่ก็ยังเป็นพื้นที่ช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจได้ ดังนั้นธุรกิจต้องออกแบบเว็บไซต์และแอปพลิเคชันให้ใช้งานง่าย รวดเร็ว เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงสิ่งที่ต้องการได้อย่างง่ายที่สุด ซึ่งอุปสรรคที่ควรหลีกเลี่ยง ได้แก่
  • กำแพงการลงทะเบียนที่ซับซ้อน: การขอข้อมูลส่วนตัวมากเกินไปก่อนที่จะเข้าถึงเนื้อหา
  • ป๊อปอัปที่รบกวน: ป๊อปอัปที่ขัดจังหวะการอ่าน หรือขอให้กรอกข้อมูลทันที
  • การใช้ภาษาที่ยากเกินไป: ภาษาที่ซับซ้อนหรือเทคนิคเกินไปจะทำให้ผู้บริโภคเข้าใจยาก
  • การซ่อนข้อมูลสำคัญ: การไม่เปิดเผยข้อมูลที่สำคัญ เช่น ราคา หรือเงื่อนไขการใช้งาน

บทสรุป เทรนด์ Zero-Click Marketing
พฤติกรรม “Zero-Click” ซึ่งผู้บริโภคในยุคดิจิทัลต้องการข้อมูลที่รวดเร็ว แม่นยำ และตรงประเด็น ทำให้ธุรกิจต้องเร่งปรับตัวเพื่อตอบสนองความต้องการนี้ โดยเฉพาะการเน้นที่การสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพ การทำ SEO และการใช้เครื่องมือทางการตลาดดิจิทัลอื่นๆ เพื่อให้สามารถเข้าถึงลูกค้าและสร้างยอดขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เทรนด์ Zero-Click นี้จะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต ด้วยการพัฒนาของเทคโนโลยี AI และ Machine Learning จะทำให้การค้นหาข้อมูลมีความแม่นยำและรวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งธุรกิจที่สามารถปรับตัวและเข้าใจพฤติกรรมของผู้บริโภคได้ดี จะเป็นผู้ที่ได้เปรียบในการแข่งขันนี้

More Information

We will get back to you within 24 business hours
By submitting your information, you consent to allow True Digital Academy team to contact you or your organization via phone or email.