สรุป session “บรีฟ Here ไม่เพลียจิต ชีวิตเราทำได้จริงๆ เหรอคะพี่ตา?”

สรุป session “บรีฟ Here ไม่เพลียจิต ชีวิตเราทำได้จริงๆ เหรอคะพี่ตา?”

Business

2 Min

08 Nov 2024

Share

สรุปแบบเน้นๆ 5 ข้อ session “บรีฟ Here ไม่เพลียจิต ชีวิตเราทำได้จริงๆ เหรอคะพี่ตา?” ลลิภัสร์ ภัสสรพนธ์ทวี Head of Content of Briefhere ถิรเจตน์ เฟื่องทำลูน UX/UI designer of Briefhere งาน Work ไร้ Balance Expo 2024 เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา โดยวิทยากรทั้งสองนำเสนอรูปแบบปัญหาของการบรีฟงานที่พบบ่อย พร้อมแนวทางการแก้ไขด้วยการผสมผสานทักษะการสื่อสารและ Empathy ในที่ทำงาน ซึ่งช่วยให้เข้าใจข้อจำกัดและความคาดหวังของแต่ละฝ่าย จนนำไปสู่ผลลัพธ์งานที่ตรงใจและบรรยากาศการทำงานที่ดีขึ้น

สรุปแบบเน้นๆ session “บรีฟ Here ไม่เพลียจิต ชีวิตเราทำได้จริงๆ เหรอคะพี่ตา?”

Brief Here: เมื่อชีวิตออฟฟิศไม่เพลียจิต

1. Brief Here จุดเริ่มต้น: Brief Here คือการสร้างชุมชนคนทำงานออฟฟิศ ด้วยการนำเสนอเรื่องราวชีวิตการทำงานผ่านมุมมองเสียดสีและอารมณ์ขัน สะท้อนความเป็นจริงของปัญหาในชีวิตประจำวัน
.
2. พื้นที่แลกเปลี่ยนปัญหาการทำงาน: ตลอดระยะเวลาเกือบ 10 ปี Brief Here ไม่เพียงแค่เป็นแหล่งความรู้เรื่อง “การบรีฟงานที่ดี” แต่ยังเป็นพื้นที่ปลอดภัยให้คนทำงานได้แชร์ประสบการณ์ และจุดประกายให้เกิดการตั้งคำถามกับวัฒนธรรม “การทำงานแบบครอบครัว” ที่อาจไม่ตอบโจทย์โลกการทำงานสมัยใหม่
.
3. ปัญหาการบรีฟที่พบบ่อย: รูปแบบปัญหาของการบรีฟงานที่พบได้บ่อย จากการรวมรวมของทางเพจ ได้แก่
-บรีฟแบบไม่มีบรีฟ: เมื่อหัวหน้าหรือลูกค้าโยนความรับผิดชอบให้ vendor หรือทีมงานคิดไปก่อน โดยไม่ให้ทิศทางที่ชัดเจน แล้วค่อยมา “เก็บงาน” ทีหลัง ทำให้เสียเวลาและทรัพยากรในการแก้งานซ้ำไปซ้ำมา
-บรีฟงานด่วน: สถานการณ์คุ้นเคยที่มาพร้อมประโยค “ด่วนมาก ขอภายในวันนี้” ทั้งที่ยังไม่มีบรีฟหรือข้อมูลครบถ้วน ส่งผลให้ทีมงานต้องทำงานแข่งกับเวลาและอาจเกิดความผิดพลาดได้ง่าย
-บรีฟป่วยลูกค้าป่วน: เมื่อความสัมพันธ์ระหว่างลูกค้าและ vendor ขาดความไว้เนื้อเชื่อใจ นำไปสู่การไม่รับฟังความคิดเห็น ไม่เคารพความเชี่ยวชาญซึ่งกันและกัน
-บรีฟงานกราฟิกและการสื่อสาร: ความท้าทายในการสื่อสารเรื่องที่เป็นนามธรรม ตั้งแต่การเลือกพรีเซนเตอร์ การวางกลยุทธ์การสื่อสาร ไปจนถึงการบรีฟเรื่องสีและองค์ประกอบงานกราฟิก ทำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนระหว่างผู้บรีฟและผู้รับบรีฟ
.
4. Empathy ในที่ทำงาน: ปฎิเสธไม่ได้ว่า “การทำงานกับคน” ยากขึ้นทุกวัน นอกจาก EQ แล้ว “Empathy” หรือความเข้าอกเข้าใจ กลายเป็นทักษะสำคัญที่ขาดไม่ได้ในที่ทำงานยุคใหม่

5. ตัวอย่าง Empathy แบบผิดๆ VS Empathy ที่แท้จริงในที่ทำงาน: การมี Empathy ที่แท้จริงไม่ใช่แค่การเข้าอกเข้าใจแต่ต้องนำไปสู่การทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพและสร้างสรรค์

พฤติกรรมที่ไม่ใช่ Empathy:
  • พูดถึง work-life balance แต่ไม่จัดการงานที่รับปากไว้ให้เสร็จ ทำให้กระทบต่อเพื่อนร่วมทีม
  • ด่วนสรุปว่าคนอื่นขาด empathy โดยไม่พูดคุยทำความเข้าใจ แล้วรายงานต่อหัวหน้าหรือ HR ทันที
  • เก็บความไม่พอใจไว้เงียบๆ คิดเอาเอง แต่ไม่สื่อสารให้อีกฝ่ายรับรู้และเข้าใจ
  • หลีกเลี่ยงการให้และรับ feedback ที่ตรงไปตรงมา ทำให้ปัญหาไม่ได้รับการแก้ไข
  • ปลอบใจแบบผิวเผินว่า “ไม่เป็นไร ทำดีที่สุดแล้ว” แทนที่จะช่วยหาทางพัฒนาและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
Empathy แท้จริงที่ควรจะเป็น:
  • มุ่งเน้นผลลัพธ์มากกว่าจำนวนเวลาที่ใช้ทำงาน โดยไม่จ้องจับผิด
  • เคารพสิทธิส่วนบุคคลและความเป็นส่วนตัวของเพื่อนร่วมงาน เช่น การลาหยุด
  • เข้าใจเจตนาที่แท้จริงของผู้อื่น ไม่ด่วนสรุปหรือตีความจากการกระทำเพียงอย่างเดียว
  • สื่อสารตรงไปตรงมา พร้อมรับฟังและเปิดใจพูดคุยถึงปัญหาเพื่อหาแนวทางแก้ไขร่วมกัน
  • รักษาสมดุลระหว่างงานกับชีวิตส่วนตัว เข้าใจว่าชีวิตนอกงานสำคัญต่อสุขภาพจิตและประสิทธิภาพในการทำงาน
  • ในบางอุตสาหกรรมที่มีความกดดันสูง เช่น เอเจนซี่ แฟชั่นโชว์ หรือโปรดักชั่น ซึ่งการทำงานทำให้ใจดีต่อกันได้ยาก แต่ยังควรสื่อสารเพื่อปรับตัวเข้าหากันได้เพื่อบรรลุเป้าหมายร่วมกัน

More Information

We will get back to you within 24 business hours
By submitting your information, you consent to allow True Digital Academy team to contact you or your organization via phone or email.