สรุป session "10 ทักษะและเทรนด์สำคัญที่นักการตลาดควรเตรียมพร้อมสำหรับปี 2025"
สรุป session "10 ทักษะและเทรนด์สำคัญที่นักการตลาดควรเตรียมพร้อมสำหรับปี 2025"
Business
4 Min
06 Nov 2024
Share
Table of contents
สรุปสาระจากช่วง Panel Discussion ในหัวข้อ “10 Skills and Trends for Marketer in 2025” โดย คุณบอล จิตติพงศ์ เลิศประดิษฐ์ นายกสมาคม MarTech Association, Founder of Marketing Tech Thailand และ คุณบี สโรจ เลาหศิริ ที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์และการตลาด, เพจสโรจขบคิดการตลาด ในงาน SkillForce 2024 เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ได้เผยมุมมองน่าสนใจเกี่ยวกับทักษะที่นักการตลาดจำเป็นต้องมีเพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันทางธุรกิจในยุค AI
สรุปสาระเน้น ๆ session “10 ทักษะและเทรนด์สำคัญที่นักการตลาดควรเตรียมพร้อมสำหรับ ปี 2025”
วิทยากรทั้งสองได้แบ่งปัน 10 ทักษะและเทรนด์สำคัญที่นักการตลาดควรเตรียมพร้อมสำหรับปี 2025 ดังนี้:
1.การวางแผนกลยุทธ์ (Strategic Vision)
เมื่อ AI กลายเป็นเครื่องมือพื้นฐานที่ทุกบริษัทเข้าถึงได้ สิ่งที่จะสร้างความแตกต่างคือวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ในการประยุกต์ใช้ AI อย่างชาญฉลาด โดยต้องสอดคล้องกับเป้าหมายองค์กร และมีแนวคิดเชิงกลยุทธ์ที่ชัดเจนในการแข่งขัน
.
2.การตระหนักรู้ทางข้อมูล (Data Literacy)
นักการตลาดต้องพัฒนาทักษะการวิเคราะห์ข้อมูลจาก AI โดยให้ความสำคัญกับการตรวจสอบแหล่งที่มาและความถูกต้องของข้อมูลอย่างรอบด้าน เพื่อการตัดสินใจที่อยู่บนพื้นฐานของข้อมูลที่เชื่อถือได้
.
3.การปรับตัวและเอาตัวรอด (Agility in Adaptation)
ในยุคที่เทคโนโลยีพัฒนาอย่างก้าวกระโดด การปรับตัวให้เท่าทันตั้งแต่ระดับ C-level, Middle-management ไปจนถึงทีมปฏิบัติการ ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันมีความสำคัญอย่างยิ่ง
.
4.ความเป็นมนุษย์ (Humanization)
ยิ่งโลกเข้าใกล้ความเป็นหุ่นยนต์ ทักษะความเป็นมนุษย์ยิ่งมีค่า โดยเฉพาะในงานที่ต้องสร้างความสัมพันธ์กับผู้บริโภค ทั้งการรับฟัง ความเห็นอกเห็นใจ และการจัดการปัญหาด้วยความจริงใจ
.
5.การเป็นผู้นำในการทำงานร่วมกัน (Collaborative Leadership)
ผู้นำต้องสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้ทีมพัฒนาทักษะใหม่ๆ และประสานการทำงานระหว่างมนุษย์และ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
.
6.ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับ AI (AI Fundamentals & Basic Application)
การเข้าใจหลักการพื้นฐานและการประยุกต์ใช้ AI เป็นสิ่งสำคัญ เช่น การเข้าใจว่า OCR (Optical Character Recognition) และ Computer Vision คือเทคโนโลยีที่ทำให้คอมพิวเตอร์ ‘มองเห็น’ และวิเคราะห์ภาพได้ ซึ่งนำไปสู่การพัฒนานวัตกรรมต่างๆ เช่น ระบบตรวจสอบสลิปโอนเงินอัตโนมัติ
.
7.การวางแผนกลยุทธ์ AI (AI Strategic Vision)
นักการตลาดต้องสามารถวางแผนการใช้ AI ให้สอดคล้องกับเป้าหมายองค์กร โดยมุ่งเน้นการค้นหาจุดที่ AI จะสร้างประโยชน์สูงสุดให้กับธุรกิจ
.
8.การนำ AI มาใช้ในดำเนินงานการตลาด (AI Embedded in Marketing Operations)
AI สามารถเป็นผู้ช่วยยกระดับงานการตลาดได้หลากหลาย ตั้งแต่การจัดการร้านค้าออนไลน์ การสร้างภาพและคอนเทนต์ ไปจนถึงการวิเคราะห์ข้อมูลและตรวจจับปัญหาของเว็บไซต์
.
9.การเรียนรู้ตลอดชีวิตและการปรับตัว (Learning and Adaptability)
ในโลกที่ความรู้เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว นักการตลาดต้องมีทัศนคติ ‘เรียนรู้ไม่มีวันจบ’ พร้อมรับความรู้ใหม่โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยี และปรับตัวให้ทันการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
.
10.การบริหารจัดการโครงการ AI (Project Management)
ความสามารถในการวางแผนทรัพยากร ติดตามงาน และประเมินผลลัพธ์อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการวิเคราะห์แนวโน้มธุรกิจในอีก 2-3 ปีข้างหน้า เพื่อวางแผนนำ AI เข้ามาเสริมกระบวนการทำงานได้อย่างเหมาะสม
6Cs AI-Driven Marketing Frameworks
นอกจากเทรนด์และทักษะแล้วทางคุณบอล ยังได้ฝาก 6Cs Frameworks เพื่อให้นักการตลาดสามารถนำ AI ไปใช้ทรานฟอร์มงานการตลาดในองค์กรอย่างรอบด้าน ประกอบไปด้วย:
1.CONTENT
-AI in CMS (Content Management System) ระบบจัดการเนื้อหาเช่น บทความ รูปภาพ วิดีโอ
-AI in DAM (Digital asset management) ระบบที่ช่วยจัดการไฟล์ดิจิทัลต่างๆ ขององค์กรจัดหมวดหมู่และค้นหาไฟล์อย่างมีประสิทธิภาพ
-AI in Content Marketing ช่วยสร้างไอเดียเนื้อหา, เขียนฉบับร่าง และปรับแต่งให้เหมาะสมกับ SEO
-AI in Advertising กำหนดกลุ่มเป้าหมายที่แม่นยำขึ้นและการปรับโฆษณาแบบเรียลไทม์
-AI in Sales Enablement ช่วยทีมขายในการระบุลูกค้าที่มีศักยภาพสูง และแนะนำเนื้อหาที่เหมาะสม
2.CUSTOMER
-AI in CDP(Customer Data Platform) คาดการณ์ความต้องการของลูกค้าและแนะนำขั้นตอนถัดไป
-AI Customer Intelligence ค้นหาเทรนด์ของลูกค้าและพยากรณ์พฤติกรรม
-AI Identity Management จับคู่ข้อมูลผู้ใช้ระหว่างแพลตฟอร์มต่างๆ
3.COMMERCE
-AI in E-Commerce ปรับแต่งสินค้าเฉพาะบุคคลและราคาแบบไดนามิก
-AI in Point-of-Sale (POS) วิเคราะห์ข้อมูล POS แบบเรียลไทม์ ช่วยในการจัดการสินค้าคงคลัง
-AI in Invoice Generated Automate ระบบสร้างใบแจ้งหนี้อัตโนมัติ
-AI validate bank slips AI-powered OCR (Optical Character Recognition) การตรวจสอบสลิปธนาคารด้วยระบบ OCR
4.COMMUNITY
-AI in Social Media ติดตามเทรนด์และปรับเวลาโพสต์เพื่อการมีส่วนร่วมที่ดีขึ้น
-AI in Review Monitoring วิเคราะห์ความรู้สึกเพื่อเข้าใจผลตอบรับจากลูกค้า
-AI in Influencer Marketing ระบุอินฟลูเอนเซอร์ที่เหมาะสมกับแบรนด์
-AI in UGC ระบุเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์
5.CORE Business
-AI Omnichannel Campaigns ระบบติดตามและเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญข้ามช่องทาง
-AI Optimization & Testing เร่งการทดสอบ A/B เพื่อค้นหาตัวเลือกที่ดีที่สุดอย่างรวดเร็ว
-AI Real-Time Interaction ระบบตอบสนองที่ปรับแต่งตามการกระทำของลูกค้าแบบเรียลไทม์
-Marketing Analytics & BI วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อความเข้าใจเชิงลึก
-iPaaS (Integration Platform as a Service) เชื่อมโยงแอปพลิเคชัน ข้อมูล และกระบวนการทำงานต่างๆ เข้าด้วยกันบนคลาวด์
6.COLLABORATION
-Projects & Workflow AI ช่วยในการมอบหมายงาน ติดตามความคืบหน้า และคาดการณ์ระยะเวลาโครงการ เพื่อปรับปรุงขั้นตอนการทำงาน
-Budgeting AI คาดการณ์งบประมาณ ปรับการใช้จ่ายตามการคาดการณ์ ROI
-MRM (Marketing Resource Management) AI ช่วยจัดสรรทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ
-Collaboration Tools AI ช่วยในการสื่อสารของทีม เช่น สรุปการประชุม การติดตามโครงการ
ด้านคุณบี ได้กล่าวปิดท้ายว่า “การใช้ AI ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดนั้นต้องเกิดจากร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรงของผู้ใช้” ทุกคนไม่ควรมองข้ามการดูแลสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจ นอกจากนี้ การใช้ AI ไม่ควรเป็นเพียง Buzzword ในองค์กร ในอนาคตของ AI ไม่ได้หยุดอยู่ที่ GenAI เท่านั้น ยังมี AI ตัวใหม่ ๆ ที่น่าจับตามอง เช่น Deep Technology โดยเฉพาะ Biotechnology ที่สามารถเรียนรู้ วิเคราะห์การทำงานของร่างกาย และเข้าใจลูกค้าได้ลึกถึงระดับอารมณ์และความรู้สึก ซึ่งจะมีประโยชน์สำหรับการทำการตลาดในอนาคตเป็นอย่างมาก