เปิดจักรวาล “Minimum Product” รวมคำศัพท์ที่ PM ใช้พัฒนาฟีเจอร์ตอบโจทย์ธุรกิจ

เปิดจักรวาล “Minimum Product” รวมคำศัพท์ที่ PM ใช้พัฒนาฟีเจอร์ตอบโจทย์ธุรกิจ

Business

3 Min

14 Jan 2025

Share

หลายคนที่สนใจ หรืออยู่ในวงการ Product น่าจะเคยได้ยินคำว่า MVP หรือ Minimum Viable Product กันมาแล้ว ซึ่งหมายถึงผลิตภัณฑ์ขั้นต่ำที่สามารถใช้งานได้ แต่ทุกวันนี้มีศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ขั้นต่ำมากกว่าที่คิด เพราะคำว่า “ขั้นต่ำ” นั้นสามารถตีความได้หลายระดับ ขึ้นอยู่กับบริบทและวัตถุประสงค์ของแต่ละโปรเจค ไม่ว่าจะเป็น MVP, MMP, MMR, MMF, MLP, MDP และ MAP

ในบทความนี้จะมาไขข้อข้องใจเกี่ยวกับความหมายและความแตกต่างของคำย่อเหล่านี้ เพื่อให้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เหตุผลที่ต้องมีคำศัพท์เฉพาะเพื่อแบ่งระดับของ “ผลิตภัณฑ์ขั้นต่ำ”

⭐ความซับซ้อนของผลิตภัณฑ์
ผลิตภัณฑ์ในปัจจุบันมีความซับซ้อนมากขึ้น มีฟังก์ชันการทำงานที่หลากหลาย ทำให้การพัฒนาผลิตภัณฑ์ต้องผ่านขั้นตอนที่ละเอียดและแตกต่างกันไป

⭐ความต้องการของตลาด
ตลาดมีความต้องการที่หลากหลายและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทำให้ผู้พัฒนาผลิตภัณฑ์ต้องปรับตัวและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว

การสื่อสารภายในทีม
เพื่อให้สมาชิกในทีมเข้าใจตรงกันและทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ จำเป็นต้องมีคำศัพท์ที่ชัดเจนในการสื่อสารเกี่ยวกับขั้นตอนต่าง ๆ ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์

รวมคำศัพท์ “Minimum Product” ที่ PM ใช้ตัดสินใจพัฒนาฟีเจอร์

คำศัพท์ “Minimum Product”


คำย่อต่าง ๆ เหล่านี้ที่ดูคล้ายกัน และดูน่าสับสน แท้จริงแล้วมีความหมายและแนวคิดเบื้องหลังที่แตกต่างกันไป ซึ่งล้วนแต่เป็นแนวคิดที่สำคัญในการกำหนดขอบเขต และพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดและผู้ใช้งานที่ Product Manager และคนที่ทำงานเกี่ยวข้องกับ Product ควรทำความเข้าใจ

MVP (Minimum Viable Product) 

MVP คือผลิตภัณฑ์ที่มีฟังก์ชันการทำงานขั้นพื้นฐานเพียงพอที่จะตอบสนองความต้องการหลักของลูกค้าได้ เพื่อทดสอบสมมติฐานทางธุรกิจและรับฟีดแบ็กจากผู้ใช้งานจริงอย่างรวดเร็ว เน้นการพัฒนาที่รวดเร็วและประหยัดต้นทุน โดยอาจยังไม่มีฟีเจอร์ที่ครบถ้วนสมบูรณ์

MMP (Minimum Marketable Product) และ MMR (Minimum Marketable Release)
MMP หรือ MMR คือผลิตภัณฑ์ที่พร้อมจะนำออกสู่ตลาดและสร้างรายได้ได้ทันที เพื่อสร้างรายได้และสร้างฐานลูกค้าให้กับผลิตภัณฑ์ อาจมีฟีเจอร์ที่ครบถ้วนกว่า MVP และมีความพร้อมในการทำการตลาดได้จริง เหมือนสินค้าตัวแรกที่พร้อมวางขาย

MMF (Minimum Marketable Feature)
MMF คือเป็นแค่ฟีเจอร์หนึ่งที่สามารถนำไปขายได้ทันที โดยอาจเป็นส่วนหนึ่งของผลิตภัณฑ์ หรือเป็นผลิตภัณฑ์เสริม เพื่อสร้างรายได้เพิ่มเติม และตอบสนองความต้องการของลูกค้าในกลุ่มเฉพาะ มักเป็นฟีเจอร์ที่สามารถใช้งานได้อิสระ และมีความน่าสนใจเพียงพอที่จะดึงดูดลูกค้า เหมือนอุปกรณ์เสริมที่สามารถเพิ่มเข้าไปในผลิตภัณฑ์หลัก เพื่อเพิ่มมูลค่าและตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย

MLP (Minimum Lovable Product), MDP (Minimum Desirable Product) และ MAP(Minimum Awesome Product)
MLP, MDP และ MAP คืออยู่กลุ่มผลิตภัณฑ์ขั้นต่ำที่น่าประทับใจ เป็นที่ต้องการ และเจ๋งสำหรับลูกค้า ที่ไม่เพียงแต่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ แต่ยังสร้างความประทับใจและความพึงพอใจให้กับลูกค้าได้อีกด้วย เพื่อสร้างความภักดีต่อแบรนด์ กระตุ้นการบอกต่อ และสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง มักมีการออกแบบที่สวยงาม ใช้งานง่าย และมีฟีเจอร์ที่โดดเด่นถูกใจผู้ใช้ มีนวัตกรรมใหม่ ๆ และฟีเจอร์ที่คู่แข่งไม่มี

PM จะเลือกพัฒนาผลิตภัณฑ์ขั้นต่ำแบบไหนดี ?

การเลือกใช้แนวคิดผลิตภัณฑ์ขั้นต่ำ ไม่ใช่แค่การเลือกคำศัพท์ที่ดูทันสมัย แต่เป็นการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ที่ส่งผลต่อความสำเร็จของผลิตภัณฑ์ในระยะยาว Product Manager ควรเลือกแนวคิดที่เหมาะสมกับสถานการณ์และเป้าหมายของธุรกิจ เพื่อให้ได้มาซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าและสร้างผลกำไรให้กับธุรกิจ

  • MVP เหมาะสำหรับเฟสเริ่มต้นของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ต้องการทดสอบตลาด รับ Feedback ให้รวดเร็วที่สุดเพื่อกลับไปพัฒนาเวอร์ชันถัดไป
  • MMP/MMR เหมาะสำหรับผลิตภัณฑ์ที่ต้องการสร้างรายได้อย่างรวดเร็ว ต้องการตัวเลขรายได้ (อาจจะจำเป็นต้องใช้ไป Pitch ขอทุนเพิ่ม)
  • MMF เหมาะสำหรับหารายได้เพิ่ม และตอบสนองความต้องการเฉพาะกลุ่ม
  • MLP, MDP, MAP เหมาะสำหรับผลิตภัณฑ์ที่ต้องการสร้างแบรนด์ และสร้างความแตกต่าง กระตุ้นการบอกต่อ รวมไปถึงการนำผลิตภัณฑ์ไป Pitch เพื่อขอเงินจากนักลงทุน

การเลือกใช้แนวคิดผลิตภัณฑ์ขั้นต่ำ


สรุป
ในฐานะ Product Manager การเลือกแนวคิดผลิตภัณฑ์ขั้นต่ำ ที่เหมาะสมนั้นเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพราะจะส่งผลต่อทิศทางและความสำเร็จของผลิตภัณฑ์ในระยะยาว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องมีความเข้าใจในธุรกิจและความต้องการของลูกค้าอย่างลึกซึ้ง เพื่อที่จะสามารถกำหนดทิศทางของผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ธุรกิจได้ แม้จะเป็นเพียงเวอร์ชั่นขั้นต่ำก็ตาม

หากสนใจมาเรียนรู้ และเตรียมพร้อมทักษะ Product Manager เพิ่มเติม ตั้งแต่พื้นฐานสู่ระดับการทำงานแบบมืออาชีพ พบกันได้ในคอร์สเรียนที่มีผู้เรียนมาหลายรุ่นมากที่สุด “Product Management รุ่นที่ 9”
📌ดูรายละเอียดเพิ่มเติม และสมัครเรียนได้ที่นี่: https://www.truedigitalacademy.com/course/product-management


Source : djangostars.com