บทสรุป AI Trends ที่น่าจับตามอง จาก Microsoft

บทสรุป AI Trends ที่น่าจับตามอง จาก Microsoft

Business

2 Min

15 Oct 2024

Share

คุณโอม ศิวะดิตถ์ National Technology Officer จากไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) ได้พูดในหัวข้อ “A Road Ahead in The Era of AI Transformation” ในงาน AI-THE NEXTGEN โดยคุณโอมได้แชร์มุมมองที่น่าสนใจหลังจากการลงทุนสำคัญของ Microsoft ใน ChatGPT เมื่อปี 2022 และการพัฒนา Microsoft Copilot ว่า AI จะพาเราไปในทิศทางไหนบ้าง

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้วย AI

🔥 “กว่าพันล้านคนใช้ Generative AI ใน 18 เดือนที่ผ่านมา” คุณโอมชี้ให้เห็นว่าการใช้ AI เช่น ChatGPT และ Copilot กำลังกลายเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้คนทำงานได้ง่ายขึ้น โดยมีสามจุดสำคัญที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนี้:

1. Universal Interface: การสั่งงานด้วยภาษาสนทนา
ผู้ใช้ไม่ต้องฝึกการเขียนคำสั่งซับซ้อนอีกต่อไป แค่ใช้ภาษาธรรมดาในการสื่อสารกับ AI ก็สามารถทำงานได้ทันที

2. Memory & Context: การตอบคำถามตามบริบท
AI สามารถจดจำการสนทนาก่อนหน้าและตอบคำถามในบริบทเดียวกัน ทำให้การโต้ตอบเป็นธรรมชาติและต่อเนื่อง

3. Reasoning & Planning: ความสามารถในการคิดและวางแผน
AI ได้รับการพัฒนาให้สามารถวิเคราะห์และตอบคำถามซับซ้อนได้ดีขึ้น ตัวอย่างเช่น การถามเกี่ยวกับสถานการณ์และ AI สามารถตอบได้ถูกต้องตามบริบท

ด้วยความสามารถเหล่านี้ AI จึงกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในผลิตภัณฑ์ของ Microsoft เช่น PowerPoint ที่มี Copilot ช่วยสร้างสไลด์โดยเข้าใจลำดับหัวข้อและข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ทำให้สามารถสร้างสไลด์เสร็จในเวลาเพียง 1 นาที

พิสูจน์แล้ว องค์กรใช้ AI จริง ยกระดับงานทุกด้าน

คุณโอมได้แชร์ผลสำรวจพนักงานในองค์กรเกี่ยวกับประสิทธิภาพการใช้ผลิตภัณฑ์ Microsoft ที่ผสาน AI เข้าไปช่วยงาน โดยพนักงานระบุว่า:
✅ ทำงานเร็วขึ้น 29%
✅ Catch up การประชุมได้เร็วขึ้น 3.8 เท่า
✅ Programmer เขียนโปรแกรมเร็วขึ้น 55%
✅ แก้ปัญหา Customer Service เร็วขึ้น 12%
✅ งานด้าน Security เร็วขึ้น 22% และแม่นยำขึ้น 7%

3 Big AI Trends’ ที่ Microsoft แนะจับตามอง

3 แนวโน้มสำคัญที่จะช่วยองค์กรในการทำ AI Transformation:
1. Multimodal AI:
AI ที่สามารถรับ input ได้หลายรูปแบบ เช่น ข้อความ ภาพ เสียง และวิดีโอ และสามารถสร้าง output ที่หลากหลาย

📌 SORA AI สามารถสร้างวิดีโอคุณภาพสูงจาก prompt ที่เป็นข้อความ
📌 เว็บ e-commerce ที่ใช้ Multimodal AI ช่วยให้การเลือกซื้อของสะดวกขึ้น โดยสามารถตอบสนองการพูดคุยและสั่งการได้หลายภาษา

2. Small Language Models:
Generative AI ขนาดเล็กที่สามารถใช้งานบน PC, มือถือ หรือแท็บเล็ตได้ ซึ่งยังคงคุณภาพความฉลาดเฉพาะด้าน สามารถแข่งขันกับโมเดลขนาดใหญ่ได้ แต่มีขนาดเล็กและทำงานได้เร็วกว่า

📌 เช่นโมเดลที่ชื่อว่า phi-3.5 ใช้ต้นทุนในการฝึกน้อยกว่าและประมวลผลได้เร็วขึ้น ซึ่งจะทำให้เกิด Agentic AI โดยที่ AI ตัวใหญ่หนึ่งตัวจะแจกงานให้ AI ตัวเล็กทำงานเฉพาะด้าน

3. AI-Driven Science:
AI ที่ช่วยเร่งพัฒนาการด้านวิทยาศาสตร์ โดยการฝึก AI ให้มีความสามารถเหมือนนักวิทยาศาสตร์ ผสมผสานกับ High Performance Computing และ Quantum Computing ใน Cloud เพื่อสร้างนวัตกรรมใหม่

📌 ตัวอย่างจากบริษัท Johnson Matthey ใช้ AI ในการพัฒนา Fuel Cell Hydrogen โดยสามารถย่นเวลาทดลองจาก 6 เดือนเหลือเพียง 1 สัปดาห์ โดย AI ช่วยคัดเลือกสารที่จะมาแทน Platinum ในการผลิต fuel cell ทำให้ลดต้นทุนได้อย่างมีนัยสำคัญ

ปัจจัยพื้นฐานในการทำ AI Transformation ในองค์กร

สุดท้าย คุณโอมแนะนำว่า หากองค์กรต้องการนำ AI หรือแนวโน้มเหล่านี้มาปรับใช้ ควรเริ่มจากการมี “ปัจจัยพื้นฐาน” ในการทำ AI Transformation ในองค์กรให้ประสบความสำเร็จ ประกอบไปด้วย 5 เรื่อง

🚀 Organization & Culture: สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่สนับสนุนการใช้ AI
🚀 Business Strategy: มีกลยุทธ์การใช้ AI ที่ตอบโจทย์ธุรกิจ
🚀 Applied AI Experience: เพิ่มทักษะ Hard Skill และ Soft Skill ให้กับคนในองค์กร
🚀 AI Governance: การใช้ AI อย่างมีจริยธรรมและปลอดภัย
🚀 Technology Strategy: มีกลยุทธ์ทางเทคโนโลยีและการจัดการข้อมูลที่มีคุณภาพ

More Information

We will get back to you within 24 business hours
By submitting your information, you consent to allow True Digital Academy team to contact you or your organization via phone or email.