7 บาปที่ PM ต้องเลี่ยง! ถ้าไม่อยากให้ Product พัง
7 บาปที่ PM ต้องเลี่ยง! ถ้าไม่อยากให้ Product พัง
Business
4 Min
17 Feb 2025
Share
Table of contents
ในยุคที่ผู้บริโภคมีตัวเลือกมากมายและความคาดหวังสูงขึ้น “ผลิตภัณฑ์ห่วย” ไม่มีที่ยืน! การพัฒนาผลิตภัณฑ์มีแค่ ปัง หรือพังพินาศ โดยเฉพาะ UX ที่ไม่ใช่แค่ของแถมแต่คือ อาวุธสำคัญ ที่จะทำให้ผลิตภัณฑ์โดดเด่นและชนะใจลูกค้า ถ้า UX แย่ ต่อให้เทคโนโลยีล้ำแค่ไหน ผู้ใช้ก็พร้อมโบกมือลาแบบไม่ลังเล
บทความนี้จะพาไปสำรวจ 7 บาปมหันต์ของการออกแบบผลิตภัณฑ์ จากบทความ “7 Deadly Sins Of Product Design” โดย The Product Manager พร้อมตัวอย่างความผิดพลาดที่ต้องเรียนรู้ เพื่อให้ PM และทีมพัฒนาหลีกเลี่ยง ไม่สร้างผลิตภัณฑ์ที่พังตั้งแต่ต้น
7 บาป การออกแบบผลิตภัณฑ์พัง ที่ PM ควรหลีกเลี่ยง
👿 1. เพิ่มฟีเจอร์จนล้น ทำผู้ใช้หัวจะปวด
การใช้ “การโหวต” เป็นตัวตัดสินใจ โดยคิดว่าเสียงส่วนใหญ่คือสิ่งที่ถูกต้องเสมอ อาจนำไปสู่การเพิ่มฟีเจอร์มากเกินความจำเป็น เพราะผู้โหวตอาจไม่ได้เข้าใจปัญหาหรือมองจากมุมที่ต่างจากเป้าหมายของผลิตภัณฑ์
- ใช้การวิเคราะห์ข้อมูลแทนการโหวต อย่าตัดสินใจจากเสียงส่วนใหญ่เพียงอย่างเดียว ควรใช้ User Analytics, A/B Testing และ Customer Feedback เพื่อเข้าใจพฤติกรรมผู้ใช้จริง และวิเคราะห์ว่าฟีเจอร์ไหนมี Impact สูง ต่อประสบการณ์การใช้งาน
- กำหนด Prioritization Framework ใช้เครื่องมือช่วยจัดลำดับความสำคัญ เช่น MoSCoW Method, RICE Score หรือ Kano Model เพื่อเลือกเฉพาะฟีเจอร์ที่ จำเป็นจริงๆ และช่วยแก้ปัญหาให้ผู้ใช้ ไม่ใช่เพิ่มทุกอย่างจนผลิตภัณฑ์รกเกินไป
www.techtarget.com/MoSCoW-method
👿 2. วาง UI แบบไร้ลำดับทิศทาง ทำลายประสบการณ์
หน้าเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันที่ไม่มีอะไรสะดุดตา หรือทุกอย่างดูสำคัญเท่ากันหมด มักทำให้ผู้ใช้สับสน ไม่รู้จะหาข้อมูลที่ต้องการได้อย่างไร จนอาจรู้สึกหงุดหงิดและไม่พอใจอยู่ลึกๆ
ใช้หลักการลำดับภาพ (Visual Hierarchy) จัดวางองค์ประกอบต่างๆ ใน UI ให้มีความสำคัญลดหลั่นกัน เพื่อนำสายตาผู้ใช้ไปยังข้อมูลที่สำคัญที่สุดก่อน เช่น
- หัวข้อ: ควรมีขนาดใหญ่และเด่นที่สุด เพื่อดึงดูดความสนใจและบอกว่าเนื้อหาเกี่ยวกับอะไร
- เนื้อหาสำคัญ: ควรมีขนาดใหญ่กว่าเนื้อหาทั่วไป และใช้สีที่แตกต่าง เพื่อให้ผู้ใช้อ่านได้ง่าย
- ปุ่ม Call to Action: ควรมีสีสันที่โดดเด่น และวางในตำแหน่งที่ผู้ใช้มองเห็นได้ง่าย เพื่อกระตุ้นให้เกิดการกระทำใดๆ ต่อผลิตภัณฑ์ เช่น ซื้อสินค้า ลงทะเบียน ฯลฯ
👿 3. Design ล้าสมัย จนต้องโบกมือลา
การที่ผลิตภัณฑ์ไม่มีการอัปเกรด Design หรือ UI เลย ถือเป็นการดูถูกผู้บริโภค Design หรือ UI ที่ล้าสมัย ไม่มีการอัปเดต ปรับปรุงดูแล ทำให้ดูไม่น่าเชื่อถือ
- ทำการศึกษาผู้ใช้ (User Research) ถามฟีดแบ็กกับผู้ใช้ผลิตภัณฑ์โดยตรง เพื่อให้เข้าใจความต้องการและปัญหาของพวกเขา เช่น การสัมภาษณ์ การทำแบบสอบถาม หรือการทดสอบการใช้งาน (Usability Testing)
- ออกแบบและพัฒนา Design หรือ UI ใหม่ นำแนวทางการแก้ไขที่ได้จากการศึกษาผู้ใช้ มาออกแบบและพัฒนา Design หรือ UI ใหม่ โดยคำนึงถึงความสวยงาม ความทันสมัย และความสะดวกในการใช้งาน

Apple’s website in 2000s

Apple’s website in 2025
👿 4. แอบใช้กลยุทธ์ด้านมืดหลอกผู้ใช้ เสี่ยงเสียความเชื่อใจ
การใช้ “ศาสตร์ด้านมืด” หรือ Dark Patterns เพื่อหลอกล่อหรือบีบบังคับให้ผู้ใช้ทำสิ่งที่ไม่ต้องการ จงใจหลอกล่อหรือบิดเบือนข้อมูล เป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้ใช้ ผู้ใช้จะรู้สึกว่าถูกเอาเปรียบ และไม่อยากใช้ผลิตภัณฑ์อีก เช่น ทำให้การยกเลิกใช้งานยากจนผู้ใช้ยอมแพ้
- ทำแบบสำรวจสั้นๆ เกี่ยวกับเหตุผลที่ยกเลิกการใช้งาน และทำให้กระบวนการยกเลิกมีประสิทธิภาพ พร้อมเปิดโอกาสให้กลับมาใช้งานได้ใหม่ในอนาคตได้สะดวก

Design Pleasant Cancellation Experience and Improve Retention | by Zi Yuan | UX Collective
👿 5. แบบฟอร์มใช้งานยาก ชวนปิดหนี
การทำ “แบบฟอร์ม” เก็บข้อมูลลูกค้า ลงทะเบียน ฯลฯ มีแนวทางปฏิบัติ (Practices) ที่ได้รับการยอมรับแล้วว่าดีที่สุดในปัจจุบัน ดังนั้นการฝืนไม่ทำตามแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดถือเป็นเรื่องบาป
- ศึกษา Best Practices ในการออกแบบฟอร์ม เพื่อให้ผู้ใช้กรอกข้อมูลได้ง่ายและรวดเร็ว และทดสอบการใช้งานจริงกับผู้ใช้ก่อน
- ทดสอบกับผู้ใช้ นำแบบฟอร์มไปทดสอบกับผู้ใช้ เพื่อสังเกตว่าผู้ใช้มีความเข้าใจในการกรอกข้อมูลหรือไม่ หากพบว่าผู้ใช้เกิดความสับสนหรือไม่เข้าใจ แสดงว่าการออกแบบนั้นยังไม่ถูกต้องและจำเป็นต้องปรับปรุง

5 UI and UX Tips For Mobile Form Design Best Practices – UIUX Trend
👿 6. ใช้ UI Elements ไม่ตรงบริยท ทำผู้ใช้สับสน
ผู้ใช้จึงมีภาพจำในหัวไว้แล้วว่าแต่ละ UI Elements แปลว่าอะไร ทำงานอย่างไร การใช้ UI Elements ไม่ตรงกับวัตถุประสงค์ เป็นเรื่องที่กระทบกระสบการณ์ของผู้ใช้ที่ผู้พัฒนาไม่ควรมองข้าม
- ศึกษาและทำความเข้าใจหลักการออกแบบ UI Elements ที่ถูกต้อง เพื่อให้เข้าใจถึงความหมายและหน้าที่ของ UI Elements แต่ละประเภท
- นำผลิตภัณฑ์ไปทดสอบกับผู้ใช้ เพื่อสังเกตว่าผู้ใช้มีความเข้าใจในการใช้งาน UI Elements หรือไม่ หากพบว่าผู้ใช้เกิดความสับสนหรือไม่เข้าใจ ต้องกลับมาเปลี่ยนหรือแก้ไข UI Elements ใหม่ให้เข้าใจง่ายขึ้น

เส้นทางของ UI Designer มือใหม่ ควรเรียนรู้เรื่องอะไรบ้าง
👿 7. ละเลยว่ากลุ่มผู้ใช้ว่าเป็นใคร พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีใครต้องการ
การสร้างผลิตภัณฑ์โดยไม่เข้าใจความต้องการและปัญหาของผู้ใช้ เป็นสูตรสำเร็จของความล้มเหลว
- กำหนดกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจน ก่อนเริ่มต้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ต้องระบุให้แน่ชัดว่าสร้างขึ้นเพื่อใคร มีความต้องกา รและปัญหาอะไรบ้าง จะช่วยให้ทีมพัฒนาเข้าใจผู้ใช้มากขึ้น
- ใช้ Empathy พยายามทำความเข้าใจความรู้สึกและความคิดของผู้ใช้ โดยการสวมบทบาทเป็นผู้ใช้ เพื่อให้เข้าใจถึงความต้องการและปัญหาของพวกเขาอย่างแท้จริง โดย Framework ที่แนะนำ ได้แก่ “Design Thinking”
Source : theproductmanager.com
—–
ถ้าอยากสร้างผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้ได้อย่างแท้จริง มาเรียนรู้หลักการที่ถูกต้องในการบริหารจัดการผลิตภัณฑ์ กับหลักสูตรสำหรับนักบริหารจัดการผลิตภัณฑ์มืออาชีพ“Product Management รุ่นที่ 9” ที่จะช่วยให้เข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงกระบวนการสร้างผลิตภัณฑ์ที่ประสบความสำเร็จ ตั้งแต่การวางแผน การพัฒนา ไปจนถึงการเปิดตัวและการปรับปรุงผลิตภัณฑ์
📌ดูรายละเอียดเพิ่มเติม และสมัครเรียนได้ที่นี่: https://www.truedigitalacademy.com/course/product-management