ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวไปข้างหน้าตลอดเวลา แผนการตลาดที่ใช้ได้กับแคมเปญในอดีต อาจไม่สามารถใช้ได้กับแคมเปญในอนาคตได้ เมื่อเทรนด์ของกลุ่มลูกค้าและโลกดิจิทัลไม่หยุดนิ่ง นักการตลาดจึงต้องพยายามไล่ตาม และจับกระแสที่กำลังเกิดขึ้น หรือกำลังจะเกิดในอนาคตไว้ให้ได้

วันนี้เราจะพาไปดู 6 Digital Marketing Trend แห่งปี 2023 พร้อมแนวทางการจับกระแสจากแบรนด์ดังระดับโลก

1. Immersive Shopping Experience ดื่มด่ำประสบการณ์ช้อปปิ้งแบบใหม่

Immersive Shopping หรือ การสร้างประสบการณ์การซื้อของเสมือนจริงบนโลกออนไลน์ ให้ลูกค้าได้มีโอกาสสัมผัสกับแบรนด์หรือสินค้านั้นๆด้วยตัวเองผ่านเทคโนโลยี AR(Augmented Reality) ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อโดยที่ไม่จำเป็นต้องไปที่ร้านค้าก่อน อาจจะเรียกว่าเป็นอัพเกรดเวอร์ชั่นของนั่งอ่านรีวิวของคนบนโลกออนไลน์หรือเห็นแค่รูปภาพจากเว็บไซท์ก็ว่าได้ AR เป็นหัวใจสำคัญในการสร้างประสบการณ์การซื้อผ่านโลกออนไลน์ให้มีความเข้าถึงและตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าผ่านการมีส่วนร่วมโดยตรง โดยมีจุดเด่นในการช่วยสร้างประสบการณ์เฉพาะตัวในการตัดสินใจซื้อ

Case Study: IKEA หนึ่งในแบรนด์ที่ก้าวเร็วกว่าใคร ด้วยการหยิบเอา AR มาใช้ผสานโลกเสมือนจริงเข้ากับโลกแห่งความเป็นจริงในการตกแต่งบ้าน ด้วยการเปิดตัว Application Place ที่ให้คุณได้เลือกสินค้านับพันชิ้นของ IKEA มาทดลองวางในบ้านตัวเองง่ายๆแค่การยกกล้องส่อง โดยเฟอร์นิเจอร์ต่างๆจะมีขนาดเท่าไซส์จริง โดยที่คุณไม่ต้องวัดขนาดให้ยุ่งยาก จะได้เห็นเลยว่าของชิ้นนั้นจะเข้ากับบ้านของคุณหรือไม่

2. AI Adoption Accelerate เร่งการเปิดรับเทคโนโนโลยี AI

ทั้งโลกธุรกิจและผู้คนทั่วไปต่างเริ่มเห็นชัดขึ้นเรื่อยๆว่า AI หรือ Artificial Intelligence นั้นมีพลังมากแค่ไหน โดย AI สามารถเข้ามาเป็นทั้งตัวช่วยและกุญแจในการเปิดโลกทัศน์ต่อสิ่งใหม่ๆที่ธุรกิจสามารถทำได้ในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นหน้าบ้านหรือหลังบ้านของธุรกิจ AI เป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่จะเข้ามาช่วยพัฒนาการทำงานในภาพรวมได้

Case Study: หนึ่งในความตื่นตาตื่นใจจาก AI ที่เกิดขึ้นบนโลกออนไลน์ล่าสุดอย่าง ChatGPT ที่เพิ่งเปิดตัวไม่มานานเป็นที่พูดถึงทั่วโลก ด้วย AI writing ที่สร้างความมหัศจรรย์ใจด้วยการเขียนที่ละเอียดและเป็นธรรมชาติไม่ต่างจากคนลงมือเขียนด้วยตัวเองแต่ AI สร้างได้ภายในไม่กี่วิ โดย ChatGPT นั้นสามารถเข้ามามีบทบาทในธุรกิจได้หลากหลายด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาคอนเทนต์มาร์เกตติ้ง การแปลภาษา หรือแม้แต่การพัฒนาแชทบอทให้มีความเป็นมนุษย์มากขึ้น

3. Voice: New Way of Search ค้นหาด้วยเสียง

“สิริ หาคาเฟ่ใกล้ฉันให้หน่อย” สถิติการค้นหาด้วยเสียงทั่วโลกกำลังเพิ่มสูงขึ้น เป็นหนึ่งเทรนด์ที่กำลังมาแรงใต้น้ำเพราะความสะดวกสบาย ง่าย และเร็ว ข้อมูลจาก Google เปิดเผยว่า 27% ของผู้ใช้งานบนโลกออนไลน์ใช้การเสิร์ชด้วยเสียง และ 58% ของผู้บริโภคค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจในท้องถิ่นผ่านทางออนไลน์

Case Study: ตัวอย่างแบรนด์ที่สามารถใช้ Voice Search ได้น่าสนใจคือ Patron Tequila แบรนด์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่ทางแบรนด์ได้ปล่อย Smart Speaker Advertising บน Amazon Alexa โดยสามารถพูดเพื่อขอสูตรค็อกเทลจากแบรนด์ได้เพียงพูดกับอุปกรณ์ จากนั้น Smart Speaker ก็จะบอกสูตรให้ตามที่คุณต้องการ สิ่งนี้ไม่เพียงช่วยเพิ่มการรับรู้ถึงแบรนด์ (Brand Awareness) และการมองเห็น (Brand Visibility) เท่านั้น แต่ยังช่วยให้ผู้ใช้ซื้อผลิตภัณฑ์ได้โดยตรงจากส่วนผสมของสูตรได้เลย

4. Social Shoppable Shorts! ช้อปปิ้งผ่านคลิปสั้น

Short Form VDO เติบโตขึ้นและคาดว่าจะยังคงไม่หยุดในปีนี้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น TikTok ที่ปัจจุบันสามารถเข้าถึง (reach) คนได้มากกว่า 885 ล้านคน Instagram Reels ที่มีการคาดการณ์ว่าจะมีผู้ใช้งานสูงถึง 2,500 ล้านแอคทีฟยูสเซอร์ต่อเดือนภายในปี 2023 นี้ หรือ YouTube Shorts ที่กำลังเร่งก้าวเข้าสู่โลกสิดิโอสั้น แต่ไม่ใช่แค่ short form เท่านั้นที่ที่กำลังมา อีกหนึ่งสิ่งสำคัญคือในโลกยุค E-Commerce คือ “Shoppable” ที่สามารถซื้อสินค้าคือได้ทันทีระหว่างที่ดูวิดิโอ TikTok ได้มีการเปิดตัว shopping ads เพื่อตอบสนองต่อเทรนด์ออกมาเรียบร้อยแล้ว และคาดว่าทางด้าน Meta เอง ก็คงมีการ พัฒนาฟีเจอร์สำหรับ Reels ออกมาในไม่ช้าเช่นกัน

Case Study: ซึ่งนอกจากแพลตฟอร์ม Social Media แล้ว พี่ใหญ่สาย E-Commerce อย่าง Amazon ได้มีการเปิดตัวฟีเจอร์ Inspire โดยบน Feed และใต้คลิปวิดิโอจะแสดงภาพสินค้าที่ปรากฎในวิดิโอ เพื่อให้ลูกค้าสามารถกดสั่งซื้อสินค้าได้ทันที หากสนใจสินค้าไหนในวิดิโอนั้นๆ

5. Third Party Cookies Going Away คุกกี้ที่หายไป

Third Party Cookies หรือ ชุดข้อมูลโค้ดที่ใช้ในการติดตามและเก็บข้อมูลพฤติกรรมของผู้บริโภค เป็นหนึ่งสิ่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการซื้อโฆษณาบนโลกออนไลน์ ที่จะช่วยให้แบรนด์สามารถยิงโฆษณาไปหาคนที่มีความสนใจตรงกับสินค้าของเราได้ แต่เมื่อสิ่งนี้กำลังค่อยๆหายไป จึงส่งผลกระทบอย่างยิ่งใหญ่ต่อการซื้อออนไลน์มีเดียโดยเฉพาะการส่งโฆษณาที่สร้างมาเฉพาะบุคคล (Personalized Ads)

Case Study: เพื่อปรับตัวต่อการหายไปของคุกกี้นี้ แบรนด์อาจต้องเริ่มหาทางรับมือกับการตั้งกลุ่มเป้าหมายสำหรับการยิงโฆษณา เช่น การมองหากลยุธท์ใหม่ๆ ในการสร้างการสื่อสารแบบเฉพาะบุคคล รวมถึงให้ความสำคัญกับการจัดระเบียบฐานข้อมูล CRM ที่แบรนด์มีอยู่ในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลของกลุ่มลูกค้าออฟไลน์หรือออนไลน์ เพื่อให้สามารถนำข้อมูลที่แบรนด์เป็นเจ้าของเองนี้ มาใช้ประโยชน์สูงสุดได้

6. Metaverse Still Worth เมตาเวิร์สยังคงมีมูลค่า

ถึงแม้ว่าในตอนนี้ ความตื่นเต้นและความสนใจของผู้คนบนโลกออนไลน์ต่อ Metaverse จะลดน้อยไป เมื่อเทียบกับช่วงต้นปี 2022 แต่ยังคงมีการคาดการณ์ว่าธุรกิจต่างๆ จะยังคงมาร่วมโลดแล่นในโลกเสมือนจริงอยู่ โดย Bloomberg ได้เปิดเผยตัวเลขทางการตลาดของ Metaverse ทั่วโลกว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 8 ล้านล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2024 ด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีเท่ากับ ร้อยละ 13.1 ตั้งแต่ปี 2020 เลยทีเดียว

Case Study: ไม่นานมานี้ Nike ได้เปิดโอกาสให้คนทั่วไปได้ออกแบบรองเท้าผ้าใบของตัวเองและซื้อขายได้บนโลก Metaverse ไม่เพียงออกแบบ Virtual Clothing เท่านั้น ก่อนหน้านี้ Nike ก็ได้มีการสร้างพื้นที่ของแบรนด์บน Roblox โดยใช้ชื่อว่า Nikeland ไว้ด้วยเช่นกัน ซึ่งใน Nikeland นี้คุณสามารถซื้อสินค้าได้ด้วยสกุลเงินของเกมเท่านั้น เชื่อได้ว่า ปีนี้แบรนด์อื่นๆ จะมีการก้าวเข้าสู่โลกเสมือนนี้ด้วยเช่นกัน

Source: 
www.demandsage.com
www.everydaymarketing.co
www.forbes.com
www.wired.co.uk

————————————————-

สามารถติดตามความรู้และคอร์สเรียนที่น่าสนใจจาก True Digital Academy ได้ทุกช่องทาง
Website – https://bit.ly/3e9QZPw 
Facebook – https://bit.ly/391XSkF
LinkedIn – https://bit.ly/3p7x08V 
Instagram – https://bit.ly/2LwX5Ra
TiKTok – https://bit.ly/3v8e0wV
YouTube – https://bit.ly/3is5lCx