หลายคนอาจจะไม่รู้ตัวว่าทุกวันนี้หลายๆ องค์กรหรือธุรกิจนั้นใช้ SaaS หรือ Software as a Service กันเป็นประจำอยู่แล้ว ปัจจุบัน SaaS กลายเป็นเทรนด์สำคัญของวงการธุรกิจ โดยตั้งแต่ปี 2010 เป็นต้นมา มีเม็ดเงินลงทุนกับบริษัทที่ให้บริการ SaaS เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนมีการคาดการณ์ว่าภายในปีหน้า 2023 มูลค่าตลาดโดยรวมน่าจะสูงถึง 6.2 แสนล้านดอลล่าร์ (ข้อมูลจาก finnomena)

ทำความรู้จัก SaaS คืออะไร?

SaaS คือ การให้บริการซอฟต์แวร์แบบ Cloud Computing โดยไม่ต้องติดตั้งซอฟต์แวร์ลงบนเครื่องคอมพิวเตอร์ แต่ซอฟต์แวร์ถูกจัดเก็บอยู่บน Cloud สามารถเข้าถึงได้ทุกที่ทุกเวลา เช่น Microsoft Office 360, Google Drive หรือ Adobe Creative Cloud Express ฯลฯ

ลักษณะเด่นของ SaaS

หลายคนอาจจะอาจจะเริ่มสงสัยว่าการให้บริการซอฟต์แวร์แบบไหนถึงจะเรียกว่าเป็น SaaS ลองดูลักษณะที่เข้าข่ายดังต่อไปนี้
1. ผู้ให้บริการบริหารจัดการซอฟต์แวร์จากศูนย์กลาง
2. ซอฟต์แวร์ปล่อยให้บริการจากเซิร์ฟเวอร์ระยะไกล
3. เข้าถึงได้ผ่านอินเทอร์เน็ต
4. ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบเรื่องการอัปเดตซอฟต์แวร์ใดๆ

ทำไม SaaS ถึงเป็นตัวช่วยชีวิตคนทำธุรกิจ?

เพราะ SasS ให้บริการซอฟต์แวร์ที่ทำให้ดำเนินธุรกิจได้สะดวกยิ่งขึ้น โดยไม่จำกัดอุปกรณ์ในการเข้าถึง และไม่ต้องกังวลเรื่องพื้นที่ฮาร์ดดิสก์ของคอมพิวเตอร์ ขอเพียงแค่มีอินเทอร์เน็ต ตัวอย่างการให้บริการซอฟต์แวร์ที่เป็นที่นิยมในปัจจุบันได้แก่ บริการจัดเก็บข้อมูล เช่น Google Drive, OneDrive บริการบริหารจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้า (CRM) เช่น Salesforce บริการประชุมออนไลน์ทางไกล เช่น GoToMeeting เป็นต้น ซึ่งบริการเหล่านี้เป็นตัวช่วยที่ดีมากสำหรับบริษัทและธุรกิจขนาดเล็กหรือ Startup ที่ยังไม่ต้องการลงทุนซื้อซอฟต์แวร์มาใช้แบบตลอดชีพ และไม่ต้องการมีปัญหาจุกจิกด้านเซิร์ฟเวอร์จัดเก็บซอฟต์แวร์

สรุปข้อดีของ SaaS 
สำหรับเจ้าของธุรกิจที่ยังลังเล มาดูสรุปข้อดีของ SaaS ดีกว่าว่าทำไมถึงเป็นตัวเลือกบริการซอฟต์อันดับต้นๆ ที่คนทำธุรกิจนึกถึง
1. ไม่ต้องเสียเวลาและพื้นที่ในการติดตั้งซอฟต์แวร์ลงบนอุปกรณ์
2. ไม่มีพันธะผูกพันในระยะยาว เพราะมักคิดค่าบริการแบบ Subscription หากไม่ต้องการใช้แล้วก็สามารถยกเลิกการเป็นสมาชิกได้
3. ไม่มีข้อจำกัดเรื่องอุปกรณ์ ใช้ได้ทั้งระบบปฏิบัติการ Windows และ Mac และบางซอฟต์ยังสามารถทำงานผ่านมือถือและแท็บเล็ตได้ด้วย
4. ได้ใช้ซอฟต์แวร์ที่อัปเดตใหม่อยู่เสมอ เพราะการให้บริการซอฟต์แวร์แบบ SaaS อยู่บนอินเทอร์เน็ต ผู้ใช้งานแต่ละเครื่องไม่ต้องอัปเดตแยกเป็นรายเครื่อง
5. ข้อมูลเก็บไว้แบบออนไลน์ บันทึกงานอัตโนมัติ ไม่ต้องกลัวงานหาย หากมีคอมพิวเตอร์มีปัญหาก็เข้าถึงข้อมูลจากอุปกรณ์อื่นได้ทันที

ทว่าข้อจำกัดในการใช้ SaaS ก็มีอยู่บ้างเช่นกัน เช่น จำเป็นต้องใช้อินเทอร์เน็ตตลอดเวลา และควรมีสัญญาณที่เสถียร แต่บางผู้ให้บริการก็สามารถใช้งานแบบออฟไลน์ได้เช่นกัน

การทำธุรกิจยุคใหม่มีเทคโนโลยีต่างๆมาเป็นตัวช่วยให้การทำงานได้สะดวกขึ้นมากมาย ขอเพียงแค่หมั่นศึกษาเทรนด์ใหม่ๆ และเพิ่มพูนความรู้ด้านเทคโนโลยีอยู่เสมอก็จะทำให้ธุรกิจสามารถเติบโตไปพร้อมๆ กับโลกยุคดิจิทัลนี้ได้ทัน

Source: azure.microsoft.com , techspace.co.th
————————————————-
สามารถติดตามความรู้และคอร์สเรียนที่น่าสนใจจาก True Digital Academy ได้ทุกช่องทาง
Website – https://bit.ly/3e9QZPw 
Facebook – https://bit.ly/391XSkF
LinkedIn – https://bit.ly/3p7x08V 
Instagram – https://bit.ly/2LwX5Ra
TiKTok – https://bit.ly/3v8e0wV