เมื่อพูดถึง “Data” หรือข้อมูล หลายคนอาจจะนึกถึงแต่ภาพตารางตัวเลข สูตรคำนวน Logic ต่างๆ ที่ดูเข้าใจยาก แต่มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าทึ่ง พวกเราสามารถเปลี่ยนสิ่งที่เข้าใจยาก ให้ง่ายขึ้นได้ ด้วยพลังของ “ภาพ”

Data Visualization คือ ศาสตร์หนึ่งในวงการ Data ว่าด้วยเรื่องของการแปลงข้อมูลให้เป็นภาพ เพื่อช่วยในการสื่อสารข้อมูลและสถิติที่สังเคราะห์มาแล้ว ประโยชน์ของการทำ Data Visualization มีมากมาย อาทิเช่น

• ทำให้เห็นภาพเพื่อนำไปวิเคราะห์ต่อ
• ทำให้คนนำข้อมูลไปใช้ตัดสินใจต่อได้เร็วขึ้น
• ทำให้เห็น Pattern ซ้ำๆ บางอย่างที่น่าสนใจ
• ทำให้เห็นจุด Error ได้ชัดเจน
• ทำให้เข้าใจเรื่องราว
• ใช้หา Insights ทางธุรกิจ
• ทำให้จับเทรนด์ล่าสุดได้

ต้องขอบคุณที่โลกนี้มีคนประดิษฐ์เครื่องมือช่วยทำ Data Visualization ให้แล้ว ไม่จำเป็นต้องมานั่งวาดกราฟหรือชาร์ต กะระยะเอง ใครๆก็ทำ Data Visualization เป็นได้ ขอแค่มีพื้นฐานความรู้ด้าน Data ก็สามารถเรียนรู้การใช้เครื่องมือเหล่านี้เป็นได้ไม่ยาก

แนะนำ “5 เครื่องมือยอดฮิต สร้าง Data Visualization สำหรับ Business”

1. Tableau — ปัจจุบันในเรื่องการทำ Data Visualization ก็คงต้องยกให้ Tableau เป็นอันดับหนึ่ง ข้อดีอย่างหนึ่งคือ Tableau มีข้อจำกัดในการแสดงผลต่ำ ทำให้ยืดหยุ่นสูง สามารถสร้างรายงานได้ตามแบบที่ต้องการ และเนื่องจากองค์กรขนาดใหญ่มักเก็บข้อมูลมาได้หลากหลายและมีปริมาณข้อมูลเยอะมาก จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เลือกใช้ Tableau ด้วยความสามารถในการรองรับและเชื่อมต่อกับฐานข้อมูลหลายรูปแบบต่าง ๆ ได้ดี ทั้ง Data Warehouse, ไฟล์บน Cloud, Big Data บน Spreadsheet หรือกระทั่ง Data ที่ไม่เกี่ยวข้องกับ Data อื่นๆ ก็มาสามารถ Join และ Blend Data จากฐานข้อมูลเหล่านี้มาผนวกรวมกันได้

2. Microsoft Excel — เครื่องมือเอาตัวรอด ที่ใครๆ ก็น่าจะรู้จักและเคยใช้ แต่ขอบอกว่าเห็นเป็นเครื่องมือพื้นฐานที่ใครๆ ก็เคยใช้แบบนี้ ความจริงแล้วมีความสามารถพิเศษซ่อนอยู่เยอะมากหากใช้งานเป็น หนึ่งวิธีการทำ Data Visualization แบบง่ายๆ ก็คือการทำ Pivot table แล้วจึงเลือกการแสดงผลข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบที่ต้องการ มีความยืดหยุ่นสูง จะแก้ไขหรือวิเคราะห์อะไรก็ทำได้ทันที เหมาะสำหรับมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้น

3. Microsoft PowerBI — เครื่องมือจากค่าย Microsoft ที่มี Engine เดียวกับ Excel แต่ทำมาสำหรับเรื่อง Data Visualization โดยเฉพาะ สามารถใช้ทำ Dashboard และ Report ได้อย่างสวยงามกว่า เหมาะสำหรับคนที่เคยใช้โปรแกรม Excel มาก่อน มีความรู้เรื่อง Query และ Pivot และต้องการทำงานกับข้อมูลขนาดใหญ่ขึ้น หรือต้องการใช้ทำงานร่วมกับทีมงานคนอื่นๆ เนื่องจากมี Cloud Collaboration และ Publishing Tools

4. Google Data Studio — ใครเคยใช้ Google Form สร้างแบบสอบถาม น่าจะต้องเคยเห็น Chart แสดงผลหลังจากเก็บรวบรวมข้อมูลมา Data Studio หน้าตามีความคล้ายๆ กับ Chart เหล่านั้น นอกจากเป็นของฟรีแล้วยังสามารถใช้งานได้ง่าย โดยเชื่อมต่อแหล่งข้อมูลและดึงข้อมูลจากผลิตภัณฑ์อื่นของ Google มาใช้โดยตรง เช่น Google Analytics, Google AdWords เหมาะสำหรับมือใหม่ที่อยากลองทำ Dashboard ไว้ Track ข้อมูลต่างๆ และมีระบบ Auto Report Scheduling สามารถตั้งค่าเวลา ที่ให้ระบบส่ง Report ให้ทาง Email ได้โดยอัตโนมัติได้อีกด้วย


5. Google Chart — อีกหนึ่งเครื่องมือทำ Data Visualization ที่น่าสนใจ จุดเด่นของเครื่องมือนี้คือ ทาง Google ได้เตรียมกราฟชนิดต่างๆ เช่น line chart, bar chart, scatter chart, maps, gauge chart ฯลฯ มากกว่า 30 แบบไว้ให้เราสามารถนำ script ที่เป็นภาษา JavaScript มาประยุกต์ใช้กับงานได้ตามต้องการได้เลย เมื่อได้ Script Chart ที่ต้องการแล้ว ผู้ใช้สามารถเขียน Code เพื่อดึงข้อมูลจากฐานข้อมูลเว็บไซต์ของตัวเอง มาแสดงผลใน Google Chart ได้ แต่เนื่องจากเครื่องมือนี้ จำเป็นต้องใช้การเขียน Code เป็นหลัก จึงอาจจะไม่เหมาะสำหรับมือใหม่เท่าไหร่นัก

Source : Harvard business review

ดูคอร์สด้าน Data จาก True Digital Academy คลิก >> คอร์ส Data แนะนำ

————————————————-
สามารถติดตามความรู้และคอร์สเรียนที่น่าสนใจจาก True Digital Academy ได้ทุกช่องทาง
Website – https://bit.ly/3e9QZPw 
Facebook – https://bit.ly/391XSkF
LinkedIn – https://bit.ly/3p7x08V 
Instagram – https://bit.ly/2LwX5Ra
TiKTok – https://bit.ly/3v8e0wV