Learning Culture สร้างวัฒนธรรม “เรียนไม่รู้จบ” ในที่ทำงาน

Learning Culture สร้างวัฒนธรรม “เรียนไม่รู้จบ” ในที่ทำงาน

Business

2 นาที

25 มิ.ย. 2021

แชร์

เคยลองสังเกตไหมว่าองค์กร หรือบริษัทที่เราทำงานอยู่มีวัฒนธรรมแบบใด? หลายๆองค์กรมักจะใช้วัฒนธรรม “วัดคุณค่าที่ผลงาน” หรือ Performance Culture ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร เพราะแน่นอนว่าองค์กร หรือบริษัทย่อมอยากเห็นผลลัพธ์เป็นไปตามที่คาดหวัง ทั้งในเรื่องของตัวเลข และคุณภาพงาน

แต่ทว่าในปัจจุบันพบว่าการใช้ Performance Culture จะได้ผลดีในระยะสั้น แต่ในระยะยาวกลับส่งผลเสียต่อองค์กร เพราะจะทำให้คนทำงานสนใจแต่เฉพาะผลลัพธ์เท่านั้น โดยไม่คิดจะพัฒนากระบวนการทำงาน หรือค้นหาความเป็นไปได้ใหม่ๆ จึงทำให้องค์กรเติบโตช้า เพราะไม่มีคนกล้าเสี่ยง กล้าลองอะไรใหม่ๆ

ด้วยเหตุนี้ปัจจุบันได้มีการเสนอแนวคิดปรับรูปแบบวัฒธรรมใหม่ที่เหมาะสมกับองค์กรที่อยากจะเติบโตแบบก้าวกระโดด ซึ่งเรียกว่า Learning Culture

Learning Culture หรือ วัฒนธรรม “เรียนไม่รู้จบ” คืออะไร?

หากสรุปแบบง่ายที่สุด คือการไม่หยุดที่จะเรียนรู้และพัฒนาตนเอง ทำตนเองให้เป็นน้ำไม่เต็มแก้ว พร้อมจะเรียนรู้สิ่งใหม่ ยินดีเปิดรับความคิดเห็น และมองเห็นความเป็นไปได้ กล้าที่จะเสี่ยงลองในสิ่งใหม่ๆอยู่เสมอ

อดัม แกรนท์ ผู้เขียนหนังสือ Think Again: The Power of Knowing What You Don’t Know และทำงานเป็นนักจิตวิทยาองค์กรอยู่ที่ Wharton School ได้แชร์ประสบการณ์ที่น่าสนใจไว้ ครั้งหนึ่งเขาได้รับเชิญจากมูลนิธิบิลและเมลินดาเกตส์ (Bill & Melinda Gates Foundation) ให้ไปช่วยพัฒนาวัฒนธรรมองค์กรให้เกิด Learning Culture

โดยกลยุทธ์ที่อดัมใช้คือการให้เหล่าระดับผู้บริหาร และหัวหน้าเล่าประสบการณ์ความผิดพลาด เผยจุดอ่อน  และความไม่สมบูรณ์ให้ลูกน้องรับรู้ ซึ่งได้ผลตอบรับที่ดีเกินคาด ลูกน้องกล้าที่จะแชร์ Feedback ให้หัวหน้า และกล้าที่จะนำเสนอไอเดียใหม่ๆ เพราะกำแพงที่มีต่อหัวหน้าได้ทลายลงหลังจากได้เห็นแล้วว่าหัวหน้าคนเก่งที่ดูสมบูรณ์แบบ ก็มีจุดอ่อนเช่นกัน และกล้าที่จะเปิดเผย

ดังนั้นแม้จะเป็นเรื่องน่าอาย แต่หากเราอยากพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้น จนวันหนึ่งไปอยู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นแบบหัวหน้า เราต้องกล้าที่จะแสดงความคิดเห็น และความไม่สมบูรณ์แบบให้ผู้อื่นเห็นก่อน จึงจะมีคนพร้อมช่วยพัฒนาให้ไปในทิศทางที่ดีขึ้นได้

อดัมให้ข้อคิดไว้ว่า ในองค์กรที่มี Learning Culture คนจะไม่หยุดอยู่แค่การประเมินผลงานตนเองตาม KPI หรือเป้าหมายที่ตั้งไว้ แต่จะขยายขอบเขตการประเมินออกไปถึงเรื่องกระบวนการทำงานด้วย แม้ผลลัพธ์จะออกมาดีแต่ก็ไม่นับเป็นความสำเร็จที่แท้จริง หากกระบวนการทำงานตื้นเขิน ทำไปแบบเช้าชามเย็นชาม คุณแค่โชคดี แต่ถ้าหากผลลัพธ์ดี กระบวนการทำงานดี มีการคิดมาอย่างดี จึงจะนับว่ามีการพัฒนา และถึงแม้สุดท้ายผลลัพธ์จะออกมาไม่เป็นตามที่คาดหวัง อย่างน้อยก็นับว่าคุณได้ทำการทดลองสิ่งใหม่ๆอย่างชาญฉลาดแล้ว

การเรียนรู้ขององค์กรเป็นกิจกรรมที่ต้องทำอย่างต่อเนื่อง แม้จะเจอวิธีการ หรือกระบวนการที่ดีและลงตัวแล้วก็ตาม เราก็ต้องไม่หยุดที่จะค้นหาสิ่งที่ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม เพราะการพัฒนาหมายถึงการเติบโต และเรียนรู้แบบ “ไม่รู้จบ” นั่นเอง

แชร์