Future Leader Club (Summary) EP.7 บทเรียน 2022 กลยุทธ์วิเคราะห์อนาคต รู้เทรนด์โลกรวดเร็วก่อนใคร

Future Leader Club (Summary) EP.7 บทเรียน 2022 กลยุทธ์วิเคราะห์อนาคต รู้เทรนด์โลกรวดเร็วก่อนใคร

Business

5 นาที

09 มี.ค. 2023

แชร์

หนึ่งในวิธีการของการพัฒนาของมนุษย์ที่ดีที่สุด คือ “การเรียนรู้จากความผิดพลาดและสิ่งที่ผ่านมาอดีต” ไม่ว่าที่ผ่านมาเราจะประสบความสำเร็วหรือล้มเหลว การรู้จักนำบทเรียนเหล่านี้กลับมาคิดวิเคราะห์จะทำให้ทำให้ชีวิตและการทำงานพัฒนาไปข้างหน้าได้ดียิ่งขึ้น วันนี้ True Digital Academy มีสรุปจากอีเวนต์ Future Leader Club“บทเรียน 2022 กลยุทธ์วิเคราะห์อนาคต รู้เทรนด์โลกรวดเร็วก่อนใคร” พบกับ คุณอั้ม ศุภกร เทพวิชัยศิลปกุล Strategic Director จาก บริษัท Mission To The Moon Media ที่มาพูดคุยถึงการนำบทเรียนของการทำธุรกิจในช่วงปี 2022 ที่ผ่านมา ที่ต้องพบกับอุปสรรคด้านโรคระบาด เศรษฐกิจ และการเมืองเข้ามาคิดพิจารณาเพื่อวิเคราะห์เทรนด์การทำงานในโลกอนาคตและกลยุทธ์ที่เราทุกคนต้องเตรียมพร้อม


📝 สรุป Key Takeaways จาก Session


เทรนด์จาก Insightful Data ของ Mission to The Moon

ในปี 2022 Mission to The Moon ทำคอนเทนต์ไปเยอะมาก กว่า 200 คลิปวีดิโอต่อเดือน ซึ่งโดยปกติเมื่อเรานึกถึงคอนเทนต์ของ Mission to The Moon ก็มักจะนึกถึงคอนเทนต์ที่พูดถึงการทำงานให้เกิดประสิทธิผล (Productivity) แต่คอนเทนต์ที่ได้รับความนิยมสูงกลับเป็นคอนเทนต์แนว “ตั้งคำถามกับวิถีการทำงาน” และ “มองหาการพักผ่อน” ตัวอย่างชื่อคอนเทนต์ อาทิ ยิ่งงานหนัก ยิ่งต้อง “พัก” ให้เป็น, ใช้ชีวิตเพื่อทำงาน หรือทำงานเพื่อใช้ชีวิต, 4 นิสัยเพื่อสุขภาพจิตที่ดี, คนรุ่นใหม่ กับ 3 พฤติกรรมต่อต้านการทำงาน เป็นต้น

ตัวอย่างคอนเทนต์ Mission to The Moon

เทรนด์สำหรับผู้นำองค์กรยุคใหม่

จากผลสำรวจของ CEO Magazine พบว่า CEO ระดับโลกที่คนอยากทำงานด้วยที่สุดในปี 2022 คือ ทิม คุก CEO จาก Apple ด้วยเหตุผลว่ามีความโปร่งใส (Transparency) ทำงานเป็นทีมเก่ง (Teamwork) มีความแน่วแน่ เด็ดขาด คาดหวังสิ่งที่มีคุณภาพสูง (High Expectation) ใจเย็น (Calm)

ขณะที่ Paper จาก Gartner พูดถึงเทรนด์ของผู้นำในยุคใหม่ ว่าเทรนด์ The Human-Centric Leader จะเป็น Keyword สำคัญหลักจากนี้ โดยผู้คนจะมองหาผู้นำที่ เป็นตัวเอง (Authentic) เห็นอกเห็นใจ (Empathetic) ปรับตัวได้ (Adaptive)


นอกจากนี้พบว่าสิ่งที่ผู้คนต้องการจากผู้นำ ได้แก่
1. การเป็นต้นแบบของพฤติกรรมให้คนในองค์กร (Role Model player)
โดยเปลี่ยนจากแนวคิดการเน้นความ Professional ให้เป็น Personal เน้นให้คนกล้าแสดงออกความเป็นตัวเองในที่ทำงานมากยิ่งขึ้น
2. ซัพพอร์ตทีม (Support Team)
โดยเปลี่ยนจากแนวคิดการมองคนทำงานเป็นเพียงลูกจ้าง ให้เป็นมนุษย์มากยิ่งขึ้น เพื่อให้มองเห็นภาพรวมว่าชีวิตมนุษย์คนเรามีความต้องการอะไรบ้าง
3. ส่งมอบผลงานให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ (Deliver Results)

ในอดีตเป็นยุคของการทำงานด้วยการยึดหลักการ Command and Control สั่งและควบคุมให้เป็นไปตามมาตราฐาน แต่ในโลกยุคใหม่ผู้นำควรเปลี่ยนหลักการเป็น Networks and Collaboration between Machines and Human ผ่านวิธีการทำงานที่เน้นความเห็นอกเห็นใจ (Empathy) และเป็นผู้ช่วยอำนวยความสะดวก (Facilitator)

การพัฒนา “ผู้นำ” ให้องค์กรในอนาคต ควรต้องให้ 3 สิ่ง โดยแบ่งเป็นสัดส่วนความสำคัญได้ ดังนี้
  • การเปิดโอกาสให้ทดลองกับงานจริง (On-the-Job Experience) 70%
  • ช่วยสร้างความมั่นใจและโค้ชทักษะการเป็นผู้นำให้ (Interaction with Others) 20%
  • ให้โอกาสเรียนรู้ที่ชัดเจนเป็นรูปธรรม (Structured Program) 10%

เทรนด์สำหรับคนทำงาน

“B-A-N-I” มาจากคำว่า ความเปราะบาง (Brittle), ความกังวล (Anxious), ความผันผวน (Non-Linear), ความเข้าใจได้ยาก (Incomprehensible) เป็น 4 เรื่องหลักที่คนทำงานยุคนี้ต้องเจอ จนทำให้โลกการทำงานหลังยุค COVID-19 คนมองหา Work-life Balance มากขึ้น

Work-life Balance แบ่งออกเป็น 4 เรื่อง
  1. มีความยืดหยุ่น (Flexibility)
  2. แชร์จุดประสงค์ชัดเจน (Shared Purpose)
  3. สุขภาวะกายใจที่ดี (Well-being)
  4. ได้รับการให้คุณค่าในฐานะมนุษย์ (First-person experience)
หากองค์กรไม่สามารถตอบโจทย์ความต้องการได้ พนักงานในยุคใหม่อาจทำการ ลาออกแบบเงียบ (Quiet Quiting) คือการเฟดตัวเงียบๆ ไปจากองค์กร โดยทำงานให้น้อยที่สุดตามที่ตำแหน่งงานกำหนดไว้ และพึงพอใจกับงานคุณภาพปานกลางนี้ เพราะคิดว่า “งานไม่ใช่ชีวิตของพวกเขาอีกต่อไป”

image freepik.com


Mckinsey ได้ทำการสำรวจ และเปิดเผยว่าสาเหตุที่ทำให้เกิด Quiet Quiting ในช่วงปี 2021-2022 ที่ผ่านมา ได้แก่
  • ขาดการพัฒนาทางอาชีพ 41%
  • ค่าตอบแทนไม่เพียงพอ 36%
  • ผู้นำไร้แรงบันดาลใจ 34%
  • ขาดการทำงานที่มีความหมาย 31%
  • ความคาดหวังในการทำงานที่ไม่มั่นคง 29%
และพบว่ามีคนเกิน 40% เกิดสภาวะหมดไฟ (Burnout) และคนมีคนที่มีปัญหาสุขภาพจิตเพิ่มขึ้น 3 เท่า จนเป็นสามารถให้กลุ่มคนเหล่านี้กว่า 50% พร้อมลาออกจากงานแบบไม่มีงานทำ เพราะองค์กรให้สิทธิประโยชน์ไม่ตรงความต้องการ

สิ่งที่คนทำงานในปี 2023 ต้องการ แบ่งตามกลุ่มประเภท Talent Pools ที่เกิดขึ้นในโลกการทำงานจริง ได้ดังนี้
1. The Traditionalists คนที่เติบโตพอสมควรแล้ว ยังเชื่อมั่นในการทุ่มเท่ทำงานหนัก เอางานเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต พวกเขาต้องการ…
  • ตำแหน่ง (Status)
  • ความก้าวหน้าทางอาชีพ (Career Advancement)
  • ผลตอบแทน (Perks) ที่เหมาะสม
2. The Idealists คนที่ต้องการความยืดหยุ่นสูง อยากเป็นคนสร้าง Impact อะไรบางอย่างให้องค์กรหรือสังคม พวกเขาต้องการ…
  • ความยืดหยุ่น (Flexibility)
  • ความหมายของการทำงาน (Meaningful Work)
  • คนร่วมงานที่ดี (Reliable and Supportive People)
3. The Do-It-Yourselfers คนทำงานที่มีความเป็นปัจเจกสูง ชอบทำงานแบบอิสระ ไม่ต้องการพึ่งพาใคร ต้องการจุดประสงค์ที่ชัดเจน ชอบทำงานของตัวเองให้เสร็จคนเดียว และส่งต่อให้คนอื่น พวกเขาต้องการ…
  • ปกครองตัวเอง (Self-employed Style)
  • ความยืดหยุ่น (Flexibility)
4.The Relaxers คนทำงานที่ต้องการมีชีวิตที่สมดุลระหว่างงานและการพักผ่อน พวกเขาต้องการ…
  • มีเวลาให้โฟกัสด้านอื่นของชีวิต (Career doesn’t come first anymore)
  • งานที่มีความหมายแต่พอดี (Meaningful work but not too much)
5. The Caregivers เป็นกลุ่มที่มีภาระเยอะ เช่น ครอบครัว ทำให้การกลับไปอยู่ในเซฟโซนคือความหมายของชีวิตพวกเขา พวกเขาต้องการ…
  • ทำงานที่บ้าน (WFH)
  • การสนับสนุนสุขภาวะ (Health & Well-Being)
  • การพัฒนาทางอาชีพ (Career Development)

เทรนด์สำหรับคนทำงานด้านดิจิทัล

การวิเคราะห์จาก World Economic Forum ว่าตำแหน่งงานในสายงานดิจิทัลจะถูกแบ่งเป็น 2 กลุ่มคือกลุ่มที่ถูกแทนที่ด้วยเครื่องจักร 85 ล้านตำแหน่งงาน และอีก 97 ตำแหน่งงาน ที่จะได้รับการปรับให้เข้ากับการทำงานร่วมกับเครื่องจักรและอัลกอริทึม

ปัจจุบันงานในประเทศไทยถูกแทนที่ด้วยเครื่องจักรได้แล้ว 55% และจะถูกแทนที่เพิ่มอีก 17% ภายในปี 2030 โดย สายงานที่จะหายไปในอนาคต ได้แก่ Financial, Marketer, Construction Worker, Factory Worker และ สายงานที่จะยังอยู่ในอนาคต ได้แก่ Healthcare, Tech & Science, Creativity, Human Touch

ตัวอย่าง Top In-Demand Skills ในโลกดิจิทัล ได้แก่
  • Soft Skills: Creativity, Time Management, Adaptability, Writing, Conflict Management, Active Communication
  • Hard Skills: Data Analysis and Statistics, Software Development, IT Automation

image freepik.com


CONCLUSION:
ความไม่แน่นอนและอุปสรรคที่พวกเราทั้งโลกได้ร่วมฝ่าฟันกันมา สามารถนำมาวิเคราะห์และเรียนเพื่อวางแผนกลยุทธ์ในการเป็นและสร้างผู้นำองค์กรที่ดี วางโครงสร้างการทำงานให้เกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น พัฒนาปรับปรุงสภาพการทำงานให้ดึงดูดคนเก่ง ไปจนถึงการเตรียมทักษะให้พร้อมสำหรับการทำงานร่วมกับ AI Technology และระบบอัตโนมัติ (Automation) ที่จะเข้ามาแทนที่บางตำแหน่งงานของมนุษย์ในอนาคตได้


————————————————-
สามารถติดตามความรู้และคอร์สเรียนที่น่าสนใจจาก True Digital Academy ได้ทุกช่องทาง
Website – https://bit.ly/3e9QZPw 
Facebook – https://bit.ly/391XSkF
LinkedIn – https://bit.ly/3p7x08V 
Instagram – https://bit.ly/2LwX5Ra
TiKTok – https://bit.ly/3v8e0wV
YouTube – https://bit.ly/3is5lCx

แชร์