อัปเดตเทรนด์และเครื่องมือ Data Visualization ปี 2024
อัปเดตเทรนด์และเครื่องมือ Data Visualization ปี 2024
Data
4 นาที
07 พ.ค. 2024
แชร์
แชร์
Table of contents
การทำงานทุกวันนี้เต็มไปด้วยข้อมูลมหาศาล แถมยังซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ เราจึงต้องทำ Data Visualization เพื่อให้ตอบโจทย์การนำเสนอข้อมูลให้มีประสิทธิภาพ และเป็นตัวช่วยให้องค์กรตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้น วันนี้เราจะพามาดูเทรนด์ออกแบบ Data Visualization และเครื่องมือใหม่ๆ ที่น่าลองใช้ในปี 2024 กัน
9. Data Democratization การจัดการข้อมูลที่ให้ทุกคนข้าถึงได้
เพราะไม่ใช่ทุกคนที่เก่งในการใช้เทคโนโลยี การทำ Data Visualization จึงต้องตอบโจทย์ ในการทำให้ทุกคนเข้าถึงและเข้าใจข้อมูลนั้นไม่ยากจนเกินไป ทำให้คนที่ไม่มีความเชี่ยวชาญทางเทคโนโลยีมากนักสามารถดูแล้วเข้าใจทั้งหมดได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องเตินไปถามทีม Data ซ้ำๆ
ใช้เครื่องมือไหนดี เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการ?
ปัจจุบันมีตัวเลือกเครื่องมือในการช่วยสร้าง Data Visualization ที่หลากหลายให้เลือกใช้งานตามความเหมาะสมกับนั้นๆ ซึ่งเครื่องมือคลาสสิคที่คนทำงานด้านนี้อาจคุ้นเคยอยู่แล้วก็ยังสามารถใช้ได้อยู่ เช่น
True Digital Academy แนะนำคอร์สเรียน VisualPro: Elaborate Insights With Data Brilliance เป็นเวิร์กชอป 2 วัน ที่ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ต้องการพัฒนาทักษะด้าน Data Visualization ผ่านเครื่องมือที่ได้รับความนิยมอย่าง Microsoft Power BI เนื้อหาครอบคลุมทั้งความรู้และแนวคิดการวิเคราะห์ข้อมูล ทั้งด้านหลักการสำคัญ Best Practice และการต่อยอดใช้งานจริงการใช้งาน และการใช้งาน Power BI ตั้งแต่ระดับพื้นฐานจนถึงขั้นสูง พร้อมฝึกใช้ AI Assistant ช่วยทำงาน Sentiment Analysis วิเคราะห์กลุ่มลูกค้าและทำงานด้านการตลาดได้ดียิ่งขึ้น
📌ดูรายละเอียดเพิ่มเติม และสมัครเรียนที่นี่ : https://bit.ly/3QzeaYV
9 เทรนด์ออกแบบ Data Visualization น่าลอง ในปี 2024
1. Data Storytelling ให้ข้อมูลเล่าเรื่อง
การสร้างแผนภูมิ กราฟ หรือนำเสนอแบบเดิมๆ อาจไม่ตอบโจทย์อีกต่อไป วิธี ‘Storytelling’ หรือการเล่าเรื่อง จะช่วยดึงดูดผู้อ่าน และทำให้ผู้อ่านเกิดความรู้สึก และรู้สึกเกี่ยวโยงกับข้อมูลมากขึ้น และทำให้เข้าใจเรื่องราวที่กำลังสื่อสารได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย2. Interactive Data ข้อมูลแบบโต้ตอบได้
ในปัจจุบันนี้ เทรนด์หนึ่งของผู้อ่านคือการไม่อยากแค่นั่งอ่านอย่างเดียวอีกต่อไป แต่อยากเห็น Data Visualization ที่มีการโต้ตอบกันไปมา ดังนั้น การทำในรูปแบบ ‘Interactive’ จึงตอบโจทย์ ช่วยให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ต้องการมากยิ่งขึ้น3. Real-time Data ข้อมูลแบบเรียลไทม์
Data Visualization แบบ ‘Real-time’ สำคัญกับข้อมูลหลายประเภท เช่น ข้อมูลยอดขาย ข้อมูลการเงิน ที่ข้อมูลรายนาทีมีความสำคัญมาก นอกจากนี้ข้อมูลที่อัปเดตแบบทันทียังมอบประสบการณ์ที่ดีกว่าด้วย เช่น การสะสมแต้ม แล้วเห็นแต้มเปลี่ยนแปลงทันที4. Gamification ใช้เกมเพิ่มสีสัน
การใช้วิธีของการเล่นเกมมาอยู่ใน Data Visualization ก็ช่วยดึงดูดคนเข้ามาอ่านมากขึ้นได้ เพราะจะทำให้การเข้าถึงข้อมูลน่าสนใจขึ้น จากการที่ผู้อ่านรู้สึกว่ามีความสนุก ท้าทาย เช่น ใช้เป็นสื่อการเรียนรู้ ทำให้ผู้เรียนอยากมีส่วนร่วมต่อไปเรื่อยๆ5. AR/VR Integration ผนวกรวมกับ AR/VR
Augmented Reality (AR) และ Virtual Reality (VR) จะเข้ามามีบทบาทในโลกของเรามากขึ้นในปี 2024 ซึ่งจะเข้ามาช่วยแสดงผลข้อมูลที่ซับซ้อนได้ หรือรับข้อมูลที่มีมิติอย่างภาพพื้นที่สามมิติต่างๆ เพิ่มสีสันและความน่าสนใจ ด้วยประสบการณ์รับข้อมูลที่ Immersive ยิ่งกว่าที่เคย6. AI-Powered Insights เจาะอินไซต์ด้วย AI
จากเดิมที่จะต้องวิเคราะห์เรื่องซับซ้อนเอง AI และ Machine Learning จะเข้ามาช่วยวิเคราะห์ข้อมูลอัตโนมัติ และช่วยสรุปข้อมูลเชิงลึกได้สะดวกสบายมากขึ้น เช่นการให้ Machine Learning ทำนายเทรนด์ในอนาคตจากข้อมูลที่มีอยู่ ซึ่งก็จะช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจข้อมูลที่ซับซ้อนได้มากขึ้นด้วย7. Cross-platform Support ซัพพอร์ตหลากแพลตฟอร์ม
ในสมัยนี้ คนเราไม่ได้ถือเพียงอุปกรณ์เดียว มีทั้งโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ การทำ Data Visualization จึงควรตอบโจทย์และเป็นมิตรกับผู้ใช้ผ่านทุกแพลตฟอร์ม ไม่ว่าจะเข้าถึงข้อมูลจากเครื่องไหนก็สามารถเข้าถึงได้โดยง่ายได้ ทุกที่ ทุกเวลา8. Customization ปรับแต่งได้
ความต้องการของแต่ละคนนั้นแตกต่างกันออกไป การรับข้อมูลก็เช่นกัน การทำให้ข้อมูลปรับเปลี่ยนตามความต้องการของคนอ่านได้ ก็จะช่วยดึงดูดให้คนอยากรับรู้ข้อมูลนั้นมากขึ้น เพราะจะปรับได้ว่าอยากรู้หรือไม่อยากรู้ตรงไหน ด้วยรูปแบบภาพแบบไหน9. Data Democratization การจัดการข้อมูลที่ให้ทุกคนข้าถึงได้
เพราะไม่ใช่ทุกคนที่เก่งในการใช้เทคโนโลยี การทำ Data Visualization จึงต้องตอบโจทย์ ในการทำให้ทุกคนเข้าถึงและเข้าใจข้อมูลนั้นไม่ยากจนเกินไป ทำให้คนที่ไม่มีความเชี่ยวชาญทางเทคโนโลยีมากนักสามารถดูแล้วเข้าใจทั้งหมดได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องเตินไปถามทีม Data ซ้ำๆใช้เครื่องมือไหนดี เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการ?
ปัจจุบันมีตัวเลือกเครื่องมือในการช่วยสร้าง Data Visualization ที่หลากหลายให้เลือกใช้งานตามความเหมาะสมกับนั้นๆ ซึ่งเครื่องมือคลาสสิคที่คนทำงานด้านนี้อาจคุ้นเคยอยู่แล้วก็ยังสามารถใช้ได้อยู่ เช่น- Microsoft Power BI : มีความอเนกประสงค์ ทำงานได้หลากหลาย มีความเป็นมืออาชีพ
- Google Charts : ใช้สร้างแผนภูมิและกราฟแบบพื้นฐาน เรียบง่าย ใช้งานง่าย
- Tableau : แอปพลิเคชันยอดนิยมที่ขึ้นชื่อเรื่องความสะดวกในการใช้งาน สร้างแผนภูมิและกราฟได้หลากหลายรูปแบบ
- QlikView : ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลที่ยากให้กลายเป็นภาพที่ง่ายได้ดี และช่วยจุดประกายแนวคิดใหม่ๆ ได้
- D3.js : แพลตฟอร์มฟรีจาก JavaScript ใช้นำเสนอข้อมูลที่ซับซ้อน และทำ interactive ได้
- ChatGPT : Generative AI มาแรงที่สามารถนำมาใช้ช่วยตั้งคำถาม หรือหา Insight น่าสนใจ เพียงระบุเป้าหมายที่ต้องการ และลักษณะชุดข้อมูลที่มีอยู่
- GoodData : โดดเด่นในการช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้าง Interactive Dashboard และสร้างแบบจำลองข้อมูล
- Infogram : ใช้งานง่าย ภาพที่ออกมาสวยงาม ภายในแอปพลิเคชันมีไอคอนให้นำมาใช้ประกอบได้มากมาย
- Looker : นอกจากการทำ Data Visualization แล้ว Looker ยังทำหน้าที่เป็นแพลตฟอร์มระบบธุรกิจอัจฉริยะ เป็นเหมือน Hub รวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ และแบ่งข้อมูลเชิงลึกกับทีมได้
- Flourish : โดดเด่นด้านการทำ Data Storytelling ช่วยดึงดูดผู้อ่านให้สนใจฟังข้อมูลได้มากขึ้น
Source: infogram.com , medium.com/@mokkup
ผู้ที่ต้องทำงานกับข้อมูลเป็นประจำ นอกจากจะต้องหมั่นอัปเดตความรู้และทักษะด้านการวิเคราะห์ข้อมูลแล้ว ยังควรติดตามเทรนด์ใหม่ๆอยู่เสมอ เพื่อทำความเข้าใจความต้องการของผู้รับสาร ว่าต้องการรับสารด้านข้อมูลในรูปแบบใดนอกจากนี้การติดตามเทรนด์ยังทำให้รู้จักเทคโนโลยี และเครื่องมือใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์การทำงานมากยิ่งขึ้นTrue Digital Academy แนะนำคอร์สเรียน VisualPro: Elaborate Insights With Data Brilliance เป็นเวิร์กชอป 2 วัน ที่ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ต้องการพัฒนาทักษะด้าน Data Visualization ผ่านเครื่องมือที่ได้รับความนิยมอย่าง Microsoft Power BI เนื้อหาครอบคลุมทั้งความรู้และแนวคิดการวิเคราะห์ข้อมูล ทั้งด้านหลักการสำคัญ Best Practice และการต่อยอดใช้งานจริงการใช้งาน และการใช้งาน Power BI ตั้งแต่ระดับพื้นฐานจนถึงขั้นสูง พร้อมฝึกใช้ AI Assistant ช่วยทำงาน Sentiment Analysis วิเคราะห์กลุ่มลูกค้าและทำงานด้านการตลาดได้ดียิ่งขึ้น
📌ดูรายละเอียดเพิ่มเติม และสมัครเรียนที่นี่ : https://bit.ly/3QzeaYV