7 ขั้นตอนก้าวสู่งาน Tech ค่าตัวสูง Software Engineer ฉบับคนจบไม่ตรงสาย
7 ขั้นตอนก้าวสู่งาน Tech ค่าตัวสูง Software Engineer ฉบับคนจบไม่ตรงสาย
Tech
4 นาที
26 มิ.ย. 2024
แชร์ 


แชร์
Table of contents
สายอาชีพ Software Engineer เป็นหนึ่งในสายอาชีพที่เติบโตอย่างรวดเร็ว และมาพร้อมกับรายได้ที่ดี ยืนยันได้จากข้อมูล Adecco Thailand Salary Guide 2024 พบว่า ฐานเงินเดือนสาย IT อาชีพ Software Engineer ของเด็กจบใหม่ (ประสบการณ์ 0-3 ปี) เริ่มต้นที่ 80,0000-100,000 บาท! เป็นอาชีพที่เงินเริ่มสูงที่สุดในสายงาน IT เนื่องจากกำลังเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงาน
แนวโน้มความต้องการด้านเทคโนโลยี สามารถพิสูจน์ได้จาก Top 4 บริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก ในปี 2024 ซึ่งได้แก่ Microsoft, Apple, NVIDIA และ Alphabet (Google) จะเห็นได้ว่าล้วน แต่เป็นบริษัทด้าน Technology และเป็นบริษัทชั้นนำที่ใช้ศาสตร์ความรู้ด้าน Software Engineering เป็นตัวขับเคลื่อนหลัก
โดยส่วนใหญ่หากเราจะย้ายสายงานไปยังสายงานที่ใช้ทักษะเฉพาะ ก็มักจะกังวลและไม่มั่นใจว่าจะทำได้ถ้าไม่ได้จบด้านนั้นมา จะให้ไปเริ่มเรียนปริญญาตรีใหม่อีก 3-4 ปีก็คงจะไม่ไหว แต่ยิ่งไปสมัครงานทั้งที่ไม่มีประสบการณ์ด้านนี้มาเลยก็คงจะไม่ได้ วันนี้ เรามีขั้นตอนการเข้าสู่สายงานนี้แบบไม่พึ่งใบปริญญามาฝาก!
7 ขั้นตอน เปิดประตูสู่งาน Software Engineer ฉบับคนจบไม่ตรงสาย
ใครที่กำลังมองหาคอร์สเรียนด้าน Software Engineer / Developer ที่หลักสูตรมีมาตราฐานได้รับการยอมรับจากองค์กรระดับโลก True Digital Academy เปิดโอกาสให้ผู้เรียนชาวไทย สามารถเรียนคอร์สเรียนสดออนไลน์ (Remote Learning) หลักสูตร Software Engineer Immersive [Flex] เรียนออนไลน์โดยตรงกับสถาบัน General Assembly ประเทศออสเตรเลีย เรียนรู้ทุกทักษะจำเป็นสำหรับอาชีพ Software Engineer ปูรากฐานการเขียนโปรแกรมให้แน่น ทั้งภาษาโปรแกรม และวิธีคิด สามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในระหว่างการเขียนโปรแกรมได้
👉🏻 ดูรายละเอียดและสมัครเรียน ได้ที่ https://bit.ly/4bixa5K
Source : springboard.com
แนวโน้มความต้องการด้านเทคโนโลยี สามารถพิสูจน์ได้จาก Top 4 บริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก ในปี 2024 ซึ่งได้แก่ Microsoft, Apple, NVIDIA และ Alphabet (Google) จะเห็นได้ว่าล้วน แต่เป็นบริษัทด้าน Technology และเป็นบริษัทชั้นนำที่ใช้ศาสตร์ความรู้ด้าน Software Engineering เป็นตัวขับเคลื่อนหลัก
โดยส่วนใหญ่หากเราจะย้ายสายงานไปยังสายงานที่ใช้ทักษะเฉพาะ ก็มักจะกังวลและไม่มั่นใจว่าจะทำได้ถ้าไม่ได้จบด้านนั้นมา จะให้ไปเริ่มเรียนปริญญาตรีใหม่อีก 3-4 ปีก็คงจะไม่ไหว แต่ยิ่งไปสมัครงานทั้งที่ไม่มีประสบการณ์ด้านนี้มาเลยก็คงจะไม่ได้ วันนี้ เรามีขั้นตอนการเข้าสู่สายงานนี้แบบไม่พึ่งใบปริญญามาฝาก!
7 ขั้นตอน เปิดประตูสู่งาน Software Engineer ฉบับคนจบไม่ตรงสาย
1.หาคอร์สเรียน Upskill/Reskill
เราไม่จำเป็นต้องไปลงเรียนระดับปริญญาใหม่ก็จริง แต่จำเป็นต้องเรียนรู้พื้นฐานและทักษะที่สำคัญ โดยการลงเรียนคอร์สที่เปิดสอนสำหรับการเป็น Software Engineer เช่น หากไม่มีพื้นฐานเลยก็ต้องเลือกคอร์สที่สอนตั้งแต่ 0 แต่ถ้าพอจะมีพื้นฐานอยู่บ้าง ก็อาจจะเลือกเรียนคอร์สเพิ่มพูนทักษะ หรือคอร์สติวเข้ม
ทั้งนี้ในการจะเลือกคอร์สเรียน หากตั้งใจจะลงทุนแล้วก็ควรเลือกเรียนกับสถาบันที่ได้มาตราฐาน และมีใบรับรองทักษะที่ได้รับการยอมรับในระดับองค์กร รวมถึงมีการวางแผนสมัครงานหลังเรียนจบได้อีกด้วย
2.เสริมสร้างความรู้ และคุณสมบัติเบื้องต้น
ในการทำงานกับ Software ต้องใช้ความรู้แบบเจาะลึกเกี่ยวกับเครื่องมือ แพลตฟอร์ม ภาษาโปรแกรม และระบบเซิร์ฟเวอร์ ระหว่างที่เรียนรู้ทักษะต่าง ๆ ก็ต้องทำตัวให้คุ้นเคยกับสิ่งเหล่านี้ด้วย อย่ากลัวการอ่านหนังสือเล่มหนา หรือดูคลิปให้ความรู้ นอกจากนี้หนึ่งใน Mindset สำคัญของการเป็น Software Engineer ที่ดีคือ “การหาคำตอบ” ผ่านการค้นหาใน Google อ่านกระทู้ หรือแหล่งความรู้ต่าง ๆ ด้วยตนเอง
3.ขัดเกลาฝีมือการ Coding
แน่นอนว่าอาชีพนี้ต้องหมั่นฝึกฝนการใช้ Coding หรือเขียนภาษาโปรแกรม โดยภาษาที่ควรเรียนรู้ได้แก่ Python, JavaScript, SQL และ Ruby บ่อยครั้งที่คนมักจะสงสัยกันว่าเรียนภาษาไหนดี ภาษาไหนเรียนแล้วมีงานทำแน่ ๆ ในโลกการทำงานอาจไม่จำกัดแค่ภาษาใด ภาษาหนึ่ง คุณอาจจะเริ่มจากภาษาที่เข้าใจง่ายอย่าง Python ก่อน แล้วจึงค่อย ๆ ทำความเข้าใจหลักการเพื่อนำไปประยุกต์ใช้กับการเรียนรู้ภาษาอื่น ๆ
โดยในขั้นตอนของการฝึกฝนนั้น สามารถใช้แพลตฟอร์มสำหรับฝึกการเขียนโค้ด อาทิ LeetCode ที่รวบรวมโจทย์หลากหลายรูปแบบให้ฝึกมือ
4.ฝึกฝนโปรเจค Coding สร้าง Portfolio
ถ้าเรายังไม่มีประสบการณ์การทำงานด้านนี้มาก่อน ขั้นตอนนี้จัดว่าสำคัญอย่างมากในการนำไปใส่ใน Resume โดยโปรเจคนั้นสามารถเป็นงานอะไรก็ได้ที่เกี่ยวข้องกับการเขียนโปรแกรม เช่น เขียนสคริปต์ Python ทำเว็บเพจเอง หรือทำแอพมือถือ ซึ่งเวลานำไปเขียนใน Resume อย่าบอกเพียงแค่ว่าเรามีทักษะอะไร แต่บอกว่าเราเคยนำมันไปใช้ทำโปรเจคส่วนตัวอะไรบ้าง
การสร้างและสะสมผลงานที่หลากหลายเพื่อโชว์ฝีมือของเราให้กับบริษัทและผู้ว่าจ้างได้เห็น โดยเฉพาะการทำงานในโปรเจคที่แสดงให้เห็นความสามารถในการพัฒนาและตอบโจทย์ของบริษัทที่เราต้องการจะไปสมัครงาน
5.หา Mentor หรือสร้าง Connection
เป็นวิธียอดฮิตของการหางาน โดยผ่าน Connection คนรู้จัก จากการแนะนำและชักชวนจากคนที่อยู่ในสายงานนี้หรือมีความเกี่ยวข้องกับสายงาน และยิ่งถ้าเรากำลังเรียนคอร์สอยู่ ยิ่งเป็นโอกาสดี เพราะมีอาจารย์ช่วยเป็น Mentor ให้อย่างใกล้ชิด และหากเป็นไปได้ให้พยายามหาโอกาสทำความรู้จักกับคนอื่น ๆ ในชั้นเรียนให้ได้มากที่สุด รวมทั้งคอยติดตามข่าวสารเพื่อเพิ่มโอกาสในการหางาน
6.หางานที่เกี่ยวข้อง
ในการจะเข้าไปทำงานในสายงานนี้ อาจเริ่มจากการเข้าไปฝึกงานเป็นอย่างแรก หรือเริ่มจากงานที่มีความเกี่ยวข้องกับสายงานนี้ก่อน อาทิ ทีม Product งานแรกอาจจะยังไม่ใช่งานที่เป็น Software Engineer แต่เป็นงานที่เราจะเริ่มทำเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ไว้ต่อยอดสู่งานที่ต้องการ เพื่อจะซึมซับประสบการณ์จริง เปิดโอกาสให้ตัวเองได้ทำงาน และเห็นภาพรวมของโปรเจค ได้สัมผัสกับงานหลาย ๆ ส่วน และได้ฝึกการทำงานร่วมกับทีมซึ่งสำคัญมาก
7.ฝึกฝนทักษะการสัมภาษณ์
นอกจากเราจะมี Portfolio และเอกสารแนะนำที่ดีแล้ว ในขั้นตอนการสัมภาษณ์งานก็จัดว่าสำคัญไม่แพ้กัน การจะแสดงให้เห็นว่าเรามีคุณสมบัติที่เหมาะสมกับงานนี้ ซึ่งก็จะมีทั้งการทดลองให้แก้โจทย์ และวัดทัศนคติ และทักษะการตอบคำถาม ซึ่งในเรื่องนี้เราก็สามารถเตรียมตัวก่อนล่วงหน้าได้เช่นกัน โดยการสอบถามประสบการณ์การสัมภาษณ์จากรุ่นพี่หรือคนที่รู้จักในสายงาน เพื่อเตรียมพร้อมคำตอบให้เป็นไปอย่างราบรื่นและสามารถมัดใจทีมสัมภาษณ์ได้
เปรียบเทียบระหว่าง เรียนมหา’ลัย vs Bootcamp vs ศึกษาด้วยตัวเอง
ในตารางนี้จะเป็นการเปรียบเทียบระหว่าง มีวุฒิปริญญา vs เทคคอร์ส vs ศึกษาเอง เพื่อช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจเลือกวิธีที่เหมาะสมกับตัวเองโดยคำนึงถึงคุณลักษณะ ความสามารถ เวลา และต้นทุน
เหมาะสำหรับ |
ข้อดี |
ข้อจำกัด |
|
เรียนมหา’ลัย |
คนที่ต้องการศึกษาในระบบ แบบค่อยเป็นค่อยไป และมีเวลาเรียนเนื้อหาทั้งที่จำเป็นและไม่จำเป็นในการทำงาน |
– เรียนตามหลักสูตรมหาวิทยาลัย – มีใบปริญญารับรองแน่นอน – มีโอกาสและ Connection |
– ใช้เวลานาน (3-4 ปี) – ต้องเก็บเครดิตนอกคณะ/สาขาด้วย |
Bootcamp |
คนที่ต้องการย้ายสายงานหรือต้องการความรวดเร็ว เรียนเฉพาะเนื้อหาจำเป็น |
– เรียนระยะเวลาไม่นาน (3-12 เดือน) – เน้นลงมือฝึกทำโปรเจค – มีโอกาสและ Connection |
– เรียนแบบอัดเนื้อหา และเร่งรัด – ไม่ลงลึกในบางเนื้อหาที่ไม่เกี่ยวกับการทำงาน |
ศึกษาด้วยตัวเอง |
คนที่ต้องการเรียนรู้ด้วยตนเอง และต้องมีวินัย |
– มีความยืดหยุ่นในการเรียน – ค่าใช้จ่ายน้อย – เลือกเรียนได้ตามใจชอบ |
– ต้องมีความมุ่งมั่น และวินัยในตัวเองอย่างมาก – ต้องหา Connection เอง |
ใครที่กำลังมองหาคอร์สเรียนด้าน Software Engineer / Developer ที่หลักสูตรมีมาตราฐานได้รับการยอมรับจากองค์กรระดับโลก True Digital Academy เปิดโอกาสให้ผู้เรียนชาวไทย สามารถเรียนคอร์สเรียนสดออนไลน์ (Remote Learning) หลักสูตร Software Engineer Immersive [Flex] เรียนออนไลน์โดยตรงกับสถาบัน General Assembly ประเทศออสเตรเลีย เรียนรู้ทุกทักษะจำเป็นสำหรับอาชีพ Software Engineer ปูรากฐานการเขียนโปรแกรมให้แน่น ทั้งภาษาโปรแกรม และวิธีคิด สามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในระหว่างการเขียนโปรแกรมได้
👉🏻 ดูรายละเอียดและสมัครเรียน ได้ที่ https://bit.ly/4bixa5K
Source : springboard.com
แชร์ 

