6 เทคนิค (ไม่ลับ) ทำ SEO พร้อม Tool เช็คเว็บไซต์ โอแล้วหรือยัง?

6 เทคนิค (ไม่ลับ) ทำ SEO พร้อม Tool เช็คเว็บไซต์ โอแล้วหรือยัง?

Business

4 นาที

23 ส.ค. 2022

แชร์

ธุรกิจที่มีเว็บไซต์ หรือกำลังเริ่มสร้างเว็บไซต์คงหนีไม่พ้นในเรื่องการทำ SEO (Search Engine Optimization) เพื่อให้เว็บไซต์ของแบรนด์เราอยู่เป็นอันดับต้นๆ เมื่อคนค้นหาด้วย Keyword ชื่อแบรนด์ สินค้า หรือบริการ ซึ่งเป็นเรื่องสำหรับมากๆ สำหรับธุรกิจ เพราะนอกจากจะทำให้ลูกค้าค้นหาเว็บไซต์เจอแล้ว ยังมีผลทำให้แบรนด์มีความน่าเชื่อถืออีกด้วย (สังเกตดูว่าเรามักจะค้นหาเว็บไซต์ แล้วเลือกดูเฉพาะเว็บไซต์ที่อยู่ในลำดับต้นๆ นั้นเอง)

Photo creativeart via freepik.com

การทำ SEO ทำยังไง? ต้องเสียเงินหรือไม่?

เป็นคำถามที่หลายๆคนสงสัยกัน อันดับแรกต้องบอกก่อนว่าการทำ SEO ไม่เสียเงิน ยกเว้นว่าหากต้องการจ้างผู้เชี่ยวชาญด้าน SEO มาดูแลเว็บไซต์ ให้คำแนะนำ การทำ SEO คือการ “ปรับแต่ง” (Optimize) เว็บไซต์ของเราให้ตรงกับสเปคที่ทาง Search Engine เช่น Google เห็นว่าเว็บไซต์เรามีความน่าเชื่อถือ มีการลิงก์จากเว็บไซต์อื่นๆมายังเว็บไซต์เรา มีการจัดหมวดหมู่ระบบดี นอกจากนี้ยังรวมไปถึงการ ปรับปรุงเนื้อหาให้มีความเกี่ยวข้องกับ Keyword สินค้าและบริการต่างๆ อยู่เรื่อยๆ ซึ่งจะต่างกับกรณีการจ่ายเงินซื้อพื้นที่โฆษณาให้ขึ้นผลการค้นหาเว็บไซต์อยู่ในลำดับต้นๆ ที่เรียกว่า SEM (Search Engine Marketing) แบบที่เวลาเราค้นหาใน Google แล้วขึ้นเว็บไซต์ว่า Ad (โฆษณา) ดังนั้นหากไม่อยากเสียเงิน และอยากให้เว็บไซต์อยู่ในลำดับต้นๆ ต้องทำ SEO ให้ดี

เทคนิคการทำ SEO มักจะมีการอัปเดตใหม่อยู่เรื่อยๆ ตามระบบของ Search Engine ดังนั้นจึงไม่ใช่การทำครั้งเดียวแล้วจบ ต้องมีการศึกษาและอัปเดตเทคนิคใหม่ๆอยู่เสมอ วันนี้เราได้นำเทคนิคการทำ SEO แบบง่ายๆ สำหรับมือใหม่มาให้ทุกคนลองไปเริ่มทำเองดู

6 เทคนิค (ไม่ลับ) ทำ SEO ฉบับจับมือทำ พร้อมแนะนำ Tool ดีๆ

Photo wayhomestudio via freepik.com


1. เผยแพร่บทความที่มีคุณภาพ

ถ้าหากวันนี้เว็บไซต์ของคุณยังมีแต่ข้อมูลบริษัท สินค้าและบริการ ทั่วๆไป อาจจะเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เวลาค้นหาใน Google แล้วไม่ขึ้นมาลำดับแรกๆ ทั้งๆที่ใช้เสิร์ซเป็นชื่อแบรนด์ นั่นเป็นเพราะ Google จะแสดงผลเว็บไซต์ที่มีบทความที่มีจำนวนคำเยอะก่อน ทั้งนี้หากไม่รู้ว่าจะเขียนบทความอย่างไร เกี่ยวกับเรื่องอะไรดี ลองดูเว็บไซต์คู่แข่งดูก็ได้ว่าเขาลงบทความอะไรแนวไหน มี Keyword อะไรที่ถูกใช้บ่อยๆ ในบทความบ้าง แล้วนำ Keyword ที่คิดว่าน่าสนใจและเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการของเรามาค้นหาผ่าน Keyword Suggestion Tool เช่น keywordtool.io เพื่อดูว่าคนส่วนมากสนใจอยากรู้เรื่องอะไรแล้วนำคำเหล่านั้นมาเขียนเป็นบทความต่อไป


2. ทำเว็บให้เหมาะกับการใช้งานผ่านโทรศัพท์มือถือ และแท็บเล็ตด้วย

ในยุคนี้ที่คนใช้อุปกรณ์ไอทีหลากหลายในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต เราจึงต้องคิดเผื่อ ทำเว็บไซต์ให้เข้าได้กับทุกอุปกรณ์ สามารถเช็คได้ผ่าน Tool ของ Google เลยว่าเว็บไซต์ของเราใช้งานผ่านโทรศัพท์มือถือได้ง่ายแล้วหรือยังที่ search.google.com/test/mobile-friendly

3. ปรับเว็บให้ดีตาม 3 เรื่องสำคัญเว็บไซต์ (​Core Web Vitals) 

3.1 ความเร็วในการโหลดคอนเทนต์ คอนเทนต์ขนาดใหญ่บนหน้าเว็บ เช่น วีดิโอ หรือ Pop-up ควรอยู่ที่ประมาณ 2.5 – 4 วินาที
3.2 ความเร็วในการตอบสนอง เช่น การกดปุ่มเมนู หรือลิงก์ต่างๆในหน้าเว็บไซต์ ยิ่งโหลดได้เร็วยิ่งดี ซึ่งไม่ควรเกิน 100 มิลลิวินาที
3.3 ความเสถียรของเว็บไซต์ การโหลด และแสดงผลต้องไม่กระตุก ภาพไม่เคลื่อนผิดตำแหน่งไปมาเวลาเลื่อนหน้าจอไม่ว่าจะเปิดผ่านอุปกรณ์ใดก็ตาม ซึ่งค่าความกระตุกและคลาดเคลื่อนของภาพไม่ควรเกิน 0.1

โดยทั้ง 3 เรื่องนี้เราสามารถเช็คได้ผ่าน Tool ของ Google ที่ developers.google.com/speed/pagespeed/insights/

4.บทความต้องแสดงถึง ความเชี่ยวชาญ-มีอิทธิพล-น่าเชื่อถือ

4.1 มีความเชี่ยวชาญ คือการทำให้เว็บไซต์เรามีคอนเทนต์ที่เป็นข้อมูลที่มีคุณภาพอยู่เสมอ ข้อมูลต้องเป็นข้อมูลเชิงลึก อ่านแล้วได้ประโยชน์จริงๆ
4.2 มีอิทธิพล กล่าวคือมีเว็บไซต์อื่น “อ้างอิง” ลิงก์กลับมาที่เว็บไซต์เรา หรือที่เรียกว่าการทำ Backlink
4.3 น่าเชื่อถือ ข้อมูลต้องเป็นข้อมูลจริง ถูกต้องแม่นยำ ควรจะมีการใส่ข้อมูลติดต่อบริษัท แผนที่ Google Maps เบอร์โทรต่างๆไว้ด้วย นอกจากนี้หากมีการทำ Backlink จากเว็บไซต์องค์กรที่น่าเชื่อถือ (เช่นเว็บองค์กรใหญ่ๆ เว็บของภาครัฐ ) จะยิ่งทำให้เว็บเรามีคะแนนความน่าเชื่อถือเพิ่มมากขึ้นไปด้วย

5. อย่าลืมให้ความสำคัญกับรูปภาพ

อีกสิ่งหนึ่งที่หลายคนอาจจะละเลยไป แต่ก็เป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะเว็บไซต์ที่มีรูปภาพประกอบเยอะๆ ต้องคำนึงถึงขนาดรูปภาพที่เหมาะสม ไม่ใหญ่เกินไป ประมาณ 100-200 KB ต่อรูปกำลังดี และควรมีการใส่ Alt Text ซึ่งคือข้อความสำหรับอธิบายรูปภาพ ว่ารูปภาพนั้นเกี่ยวกับอะไร ยิ่งมี Keyword สำคัญของเว็บเรายิ่งดี นอกจากนี้หากใช้รูปที่ถ่ายเอง หรือสร้างขึ้นมาเองจะดีกว่าการใช้รูปเดิมซ้ำๆ


6. แค่ทำ “ตัวหนา” ก็ช่วยได้!

หนึ่งในเทคนิคล่าสุดที่ทาง Google ออกมาเปิดเผยคือการที่เว็บไซต์ใช้ “ตัวหนา” (Bold text) เพื่อไฮไลท์ข้อความสำคัญบางตัวในบทความ จะทำให้ Google เข้าใจเนื้อหาของบทความได้ดียิ่งขึ้น ดังนั้นจึงสามารถช่วยเรื่องใน SEO ได้ด้วย! น่าสนใจมากๆ ว่ากระทั่งเรื่องตัวหนาที่ดูเป็นเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้ก็มีผลต่อลำดับในการค้นหาด้วยเช่นกัน

Source : therankone , digitalmarketingwow , searchenginejournal

————————————————-
สำหรับใครที่สนใจแนวทางทำการตลาดยุคใหม่ มาเริ่มต้นการเรียนรู้ “Digital Marketing” แบบใหม่เพื่อการวางแผนได้ตรงเป้าหมายมากยิ่งขึ้น ใน Free Online Intro Class “Digital Marketing 101 | How To Build And Execute An Effective Strategy Through Digital Channels” พบกับ วิทยากร คุณธาม ตัณฑ์จยะ Alumni จาก MBA, University of Kent, ประเทศอังกฤษ และอาจารย์ประจำ Digital Marketing Program คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ

👉 ลงทะเบียนฟรีก่อนใคร คลิก https://bit.ly/3pHqTee 

————————————————-
สามารถติดตามความรู้และคอร์สเรียนที่น่าสนใจจาก True Digital Academy ได้ทุกช่องทาง
Website – https://bit.ly/3e9QZPw 
Facebook – https://bit.ly/391XSkF
LinkedIn – https://bit.ly/3p7x08V 
Instagram – https://bit.ly/2LwX5Ra
TiKTok – https://bit.ly/3v8e0wV